ดีเอสไอขึ้นฮ.สำรวจพื้นที่ หวังเชื่อมโยงพยานหลักฐานคดี 'บิลลี่'
"ไพสิฐ" นำทีมดีเอสไอขึ้นฮ.ตรวจสอบภาพรวมพื้นที่เกิดเหตุ เชื่อมโยงพยานหลักฐานข้อเท็จจริงจากการสอบสวนในคดี “บิลลี่” คาดมีความชัดเจนของคดีสัปดาห์หน้า
พันตำรวจเอกไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีเอสไอ นำคณะพนักงานสอบสวนของดีเอสไอ รวมทั้ง รองอธิบดี พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร สนธิกำลังร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมอุทยานฯ บินสำรวจพื้นที่เกิดเหตุและเส้นทางที่คาดว่าเกี่ยวข้องในคดี “บิลลี่” จำนวน 6 จุด ได้แก่ ด่านเขามะเร็วที่เป็นจุดจับกุมตัวบิลลี่ แยกหนองมะค่าที่อ้างว่ามีการปล่อยตัวบิลลี่ สะพานแขวนเหนือเขื่อนที่มีการพบถังและกระดูกกะโหลกศรีษะ ห้วยคมกฤต ไร่ขัยราชพฤกษ์ และป่าบริเวณใจแผ่นดิน โดยใช้เวลาราวหนึ่งชั่วโมงในการบิน
พัน ตร.อ. ไพสิฐกล่าวว่า จากการสอบสวนของดีเอสไอที่ผ่านมาทั้งในสำนวนสอบสวนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การสอบปากคำ และพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ อาจมีบางจุดที่ขัดหรือแย้งกันอยู่บ้าง วันนี้จึงมาดูว่าอันไหนที่จริง อันไหนที่เท็จ หรือที่ไม่ตรงกัน ทั้งนี้เพื่อจะนำไปประกอบในสำนวนสอบสวนต่อไป
“สำนวนที่ ปปท. กับ ปปช. ทำไว้ก็มีหลักฐานพอแล้ว แต่ทำไงให้แน่นหนาขึ้น ก็เห็นตรงกันกับอัยกาารว่าต้องสอบเพิ่ม ให้ปราศจากข้อสงสัย การตัดสินคดีก็จะง่ายขึ้น” พัน ตร.อ. ไพสิฐ กล่าว พร้อมกับเพิ่มเติมว่า ทางดีเอสไอพยายามเน้นความเชื่อมโยงทั้งก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ เพื่อดูว่าจะมีเรื่องอะไรบ้างที่จะทำให้เกิดเหตุขึ้นมา และย้ำอีกว่า จะพยายามทำอย่างรอบคอบที่สุดและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
“บิลลี่” พอละจี รักจงเจริญ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยแม่เพรียง และผู้นำชุมชนชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย จังหวัดเพชรบุรี ได้หายตัวไปหลังจากที่ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานควบคุมตัว ในความผิดเกี่ยวกับการนำน้ำผึ้งป่าออกจากเขตอุทยานแห่งชาติโดยผิดกฎหมาย ในวันที่ 17 เมษายน 2557 และอ้างว่าได้ปล่อยตัวไปแล้ว ก่อนที่ดีเอสไอจะแถลงข่าวเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่า เขาได้เสียชีวิตแล้ว จากการตรวจสารพันธุกรรมเทียบเคียงกับของมารดาจากชิ้นส่วนกระดูกกะโหลกศีรษะที่พบในเขื่อนแก่งกระจาน ในเขตอุทยานฯ
ทางด้าน พ.ต.ท.กรวัชร์กล่าวว่า การขึ้นเฮลิคอปเตอร์สำรวจในภาพรวม รวมทั้งเส้นทางเข้าออกด่านมะเร็วที่มีการควบคุมตัวบิลลี่ รวมทั้งบางจุดที่มีบางราบละเอียดที่ต้องดู เพราะการดูจากกูเกิลจะเห็นภาพอีกลักษณะ
ทางคณะฯ ต้องการดูเส้นทางจากด้านบนเพื่อความชัดเจนขึ้น เพื่อนำไปวิเคราะห์เชื่อมโยงเหตุการณ์ รวมทั้งเส้นทางที่เชื่อว่าน่าจะมีการกระทำความผิด จนกระทั่งไปสู่การพบกระดูกของบิลลี่
“มาครั้งนี้ก็เพื่อมาพิสูจน์หลายๆอย่างที่เรายังสงสัยอยู่ จุดที่กำหนดสำคัญทุกจุด ที่เราต้องดูก็เป็น ประเด็นเชิงวิเคราะห์ด้วย ถ้าเรามองจากข้างบน เราจะเห็นชัดขึ้น” พ.ต.ท.กรวัชร์กล่าว
ในจุดที่เพิ่มเข้ามา อาทิ ห้วยคมกฤต จำเป็นที่จะต้องดูเพราะลำห้วยมีลักษณะที่ลึก ในขณะที่หลักฐานบางอย่าง อาทิ รถจักรยานยนต์ยังหาไม่เจอ ก็ต้องดูหมดจุดที่สงสัย
ทั้งนี้ ภายหลังการบิน ทางคณะฯ คาดว่าจะมีความชัดเจนขึ้นในคดีและจะแถลงข่าวให้สาธารณะชนทราบอีกครั้ง
ในส่วนของการตรวจพิสูจน์ทางดีเอนเอกระดูกอีก 8 ชิ้น พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า ทางทีมนิติวิทยาศาสตร์ได้แจ้งมาแล้วว่าพบดีเอนเอในกระดูก กำลังอยู่ในระหว่างพิจารณาว่าจะส่งไปตรวจเพิ่มเติมหรือไม่อย่างไร และเทคโนโลยีสมัยใหม่จะช่วยยืนยันตัวบุคคลได้เลยหรือไม่อย่างไร เพราะก่อนหน้านี้พบผ่านสายตระกูลหรือแม่ของบิลลี่ ทั้งนี้จะช่วยให้ปราศจากข้อสงสัยในตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของกระดูก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-'ดีเอสไอ' ได้พยานสำคัญ ให้ข้อมูลทีมฆ่าบิลลี่
-เป็นใคร? 4 ผู้ต้องหาอุ้มฆ่า'บิลลี่'
-ดีเอสไอจ่อแจ้ง 3 ข้อหาหนัก ชุดอุ้มฆ่า'บิลลี่'
-ดีเอสไอยังไม่พิจารณาหมายเรียก คดี “บิลลี่”
-พบหลักฐานดีเอนเอ 'บิลลี่' เสียชีวิต ดีเอสไอเชื่อ
-ดีเอสไอนัดลงมติปิดคดี 'บิลลี่' 19 ก.ย.