‘แอทเสทเวิรด์’รับอานิสงส์ กองทุนจ่อเข้าซื้อ หลังเข้าดัชนี 'FTSE - MSCI'
หุ้น“แอสเสท เวิรด์”ปรับตัวขึ้นต่อ 2.48% ปิดที่ 6.20 บาท นักลงทุนเก็งเข้าคำนวนดัชนี FTSE และ MSCI ด้วยเกณฑ์พิเศษ เดือนพ.ย.นี้ นักวิเคราะห์ประเมินหลังเข้า 2ดัชนีหลัก เงินกองทุนจ่อไหลเข้าลงทุนกว่า 100 ล้านดอลลาร์
ความเคลื่อนไหวหุ้น บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC วานนี้ (11 ต.ค.) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.15 บาท หรือ 2.48% มาปิดที่ 6.20 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,477 ล้านบาท ผลจากนักลงทุนคาดว่าหุ้น AWC จะถูกเข้าคำนวณในดัชนี FTSE และ MSCI
นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์( บล.) ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า คาดว่าแอสเสท เวิรด์ จะถูกนำเข้าคำนวนในดัชนี FTSE ด้วยเกณฑ์ Fast Entry บริษัทจะต้องเข้าเงื่อนไขสำคัญ 2 ส่วน คือ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป)ไม่ต่ำกว่า 4,100 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 125,00 ล้านบาท และมีสภาพคล่องไม่ต่ำกว่า 1,400 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 42,500 ล้านบาท
นอกจากนี้ แอสเสท เวิรด์ ยังมีแนวโน้มจะถูกนำเข้าคำนวนในดัชนี MSCI ด้วยเกณฑ์พิเศษเช่นกัน เงื่อนไขคือ มีมาร์เก็ตแคปไม่ต่ำกว่า 3,700 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 112,500 ล้านบาท และมีสภาพคล่องไม่ต่ำกว่า 1,900 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 58,000 ล้านบาท
ปัจจุบันมาร์เก็ตแคปของแอสเสท เวิรด์ อยู่ในระดับกว่า 6,000 ล้านดอลลาร์ และมีสภาพคล่องสูงกว่าเกณฑ์ที่ทั้ง FTSE และ MSCI กำหนดไว้ โดยการเข้าคำนวนใน FTSE จะมีผล 18 ต.ค. นี้ ส่วน MSCI คาดว่าจะมีการประกาศช่วงกลางเดือน พ.ย. นี้ และคาดว่าจะมีผลบังคับช่วงปลายเดือน พ.ย.นี้
“หาก AWC ถูกนำเข้าคำนวนในดัชนี FTSE และ MSCI จะทำให้เม็ดเงินลงทุนจากกองทุน passive ไหลเข้ามาลงทุนมากยิ่งขึ้น เบื้องต้นประเมิน จะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาใน AWC ประมาณ 124 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม หากเรทติ้งของไทยถูกปรับเพิ่มขึ้น การเข้าคำนวนในดัชนี FTSE และ MSCI ของAWC จะส่งผลให้กองทุนต่างชาติต้องปรับพอร์ตการลงทุน ส่งผลกระทบต่อหุ้นบางตัวที่กองทุนต่างๆ ลงทุนอยู่ก่อนหน้านี้"
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน- กลยุทธ์การลงทุน บล. โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า FTSE ประกาศนำAWC เข้าคำนวณในดัชนี FSTE All World มีผลราคาปิด 17 ต.ค. คิดเป็นเม็ดเงินรวม 48 ล้านดอลลาร์ สำหรับ AWC ทุกๆการปรับตัวขึ้น 1% จะหนุนดัชนีราว 0.15 จุด โดยก่อนหน้านี้ AWC ได้ถูกนำเข้าคำนวณดัชนี SET50 และ SET100 มีผลตั้งวันที่ 16 ต.ค. 2562
นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการ ผู้บริหารสายงานวาณิชธนกิจ บล.ไทยพาณิชย์ ระบุว่า โดยพื้นฐานแล้ว แอสเสท เวิรด์ มีความน่าสนใจในการลงทุนอยู่แล้ว ทั้งจากสินทรัพย์ที่มีคุณภาพ จากจุดแข็งในเรื่องของทำเลที่ตั้ง และเป็นสินทรัพย์ประเภท freehold เกือบทั้งหมด ขณะที่ทีมผู้บริหารมืออาชีพเป็นอีกส่วนที่สำคัญ และการที่หุ้นถูกนำเข้าคำนวนในดัชนี FTSE และ MSCI จะช่วยให้นักลงทุนสถาบันต่างชาติเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยล่าสุด วานนี้ ดัชนีฟื้นตัวกลับมาปิดที่ 1626 จุด สูงที่สุดในช่วง 8 วันทำการที่ผ่านมา โดยตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น 20.74 จุด หรือ 1.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 2.31 แสนล้านบาท เฉลี่ย 4.63 หมื่นล้านบาทต่อวัน
นายสมชาย กาญจนเพชรรัตน์ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บล.เคจีไอ เปิดเผยว่า การฟื้นตัวของดัชนีล่าสุด 18.50 จุด เป็นไปตามตลาดหุ้นในภูมิภาค โดยเฉพาะตลาดฮ่องกงซึ่งปรับตัวขึ้นกว่า 2% นอกจากนี้ หุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้ากลับมานำตลาดอีกครั้ง โดยเฉพาะบมจ. โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ซึ่งปรับขึ้น 4.67% จากการเข้าซื้อขายวันแรกของหุ้นเพิ่มทุน1.32 พันล้านหุ้น
“ในช่วงนี้ปัจจัยหลักที่จะส่งผลต่อตลาดยังคงเป็นปัจจัยภายนอก อย่างประเด็นสงครามการค้า ซึ่งก็เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นบ้าง ทำให้นักลงทุนต่างประเทศมีแนวโน้มจะกลับเข้ามาลงทุนมากขึ้น ส่วนการปรับพอร์ตลงทุนช่วงนี้ มองว่าเป็นโอกาสของนักลงทุนที่ต้องการซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว เพราะราคาหุ้นหลายๆ กลุ่มที่มีปัจจัยพื้นฐานดีเริ่มน่าสนใจ” นายสมชาย กล่าว
ทั้งนี้ ปัจจุบัน มองว่าหุ้นในกลุ่มพลังงานขนาดใหญ่ซึ่งปรับตัวลดลงมา เริ่มน่าสนใจมากขึ้น เช่นเดียวกับหุ้นในกลุ่มขนส่ง ที่น่าจะได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงมา ส่วนระยะสั้นกลุ่มพาณิชย์น่าจะได้รับแรงหนุนจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ