จับตายาเสพติดจากแหล่ง 'พระจันทร์เสี้ยว' ระบาดสู่ไทย
"สมศักดิ์" ห่วงยาเสพติดจากแหล่ง "พระจันทร์เสี้ยว" อัฟกานิสถาน แพร่ระบาดสู่ไทย หลังพบนักเที่ยวใช้ยาเสพติดชนิดใหม่ในสถานบันเทิง
เมื่อวันที่ 28 ต.ค.62 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติว่า รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจำนวน 5,000 ล้านบาท ในส่วนของสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส)ได้รับงบประมาณจำนวน 2,000 ล้านบาท สำนักงานตำรวจแห่งชาติจำนวน 1,200 ล้านบาท กระทรวงสาธารณสุขจำนวน 1,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นของกระทรวงอื่นๆและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการทำงานด้านยาเสพติด ดังนั้นจึงต้องเชิญทุกหน่วยงานมาซักซ้อมแผนการทำงานในปี 2563 ซึ่งจะเน้นเรื่องการสร้างความเข้มแข็งในชุมชน และป้องกันไม่ให้คนหน้าใหม่ๆเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด
ขณะที่มาตรการในการปราบปรามก็ยังต้องทำต่อเนื่องและเข้มข้นเหมือน เดิม นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญงานด้านการบำบัด ฟื้นฟู เนื่องจากการเลิกยาเสพติดทำได้ยากต่างการเกิดอุบัติเหตุบาดเจ็บแล้วรักษาหาย แต่สำหรับผู้ติดยาเสพติด แม้จะเลิกยาฯไปแล้วแต่ก็สามารถกลับมาเสพติดซ้ำได้ หากครอบครัว ชุมชนไม่เข้มแข็ง ไม่ให้กำลังใจ ก็จะทำให้ไม่สามารถทำให้แก้ปัญหาได้ ทุกหน่วยงานจึงต้องเน้นด้านการประชาสัมพันธ์เชิงรุก เช่น สร้างภาพพยนต์ใหม่ๆ หรือนำภาพยนตร์เก่าที่เคยฉายมาแล้ว และมีเนื้อหาที่สร้างความตระหนักถึงพิษภัยของปัญหายาเสพติดกลับมาฉายซ้ำ
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติดปี 62 นั้นมีทั้งผู้ที่ระบุว่า ปัญหาหนักขึ้น แต่หากดูจากตัวเลขและปริมาณการจับกุมพบว่า เจ้าหน้าที่จับกุมได้เพิ่มมากขึ้น เพราะผู้ค้าฯได้ผลิตยาเสพติดมากขึ้น และมีผู้ค้าหลายราย ในเวลา 1 ชั่วโมง สามารถผลิตยาเสพติดได้ถึง 200,000 เม็ด และยาเสพติดโดยเฉพาะยาบ้ามีราคาถูกลงมาก มีตัวเลขจากสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า 5-6 เดือนที่ผ่านมา ได้สำรวจพฤติกรรมของกลุ่มตัวอย่างจำนวน 64,000 คน มีเพียง 5 % ที่ระบุว่า พบเห็นการเสพและการขายยาเสพติด ส่วนอีก 95 % ไม่เคยพบหรือเคยเห็น จากภาพของการสำรวจจึงทำให้ปัญหายาเสพติดไม่น่ากังวล แต่เพื่อความไม่ประมาท จึงต้องสร้างกำแพง ชุมชน หมู่บ้านให้เข้ามามีส่วนร่วมกันการป้องกันยาเสพติด โดยป.ป.ส.จะกำหนดพื้นที่เพิ่มเติมจากหมู่บ้านปลอดยาเสพติดซึ่งเป็นหมู่บ้านตัวอย่างในจังหวัดอื่นๆให้เป็นหมู่บ้านสีขาว และจะเน้นในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างที่ติดกับชายแดนเมียนมาร์และลาวเพื่อขวางเส้นทางลำเลียงยาเสพติด ไม่ให้เข้ามาในประเทศไทย
“ยาเสพติดทุกประเภท ทั้งยาไอซ์ ยาบ้า ยังต้องระวังทุกชนิด แต่สำหรับยาอีที่ผลิตออกมาเป็นรูปตัวการ์ตูนต่างๆนั้น ได้มีการหารือในที่ประชุมว่าให้เฝ้าระวังและจับตาในสถานบันเทิง คลับ บาร์ ที่เปิดเกินเวลาเป็นแหล่งที่มีวัยรุ่นเข้าไปเที่ยว จึงต้องประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแล อย่างไรก็ตามนอกจากพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำที่เป็นแหล่งผลิตยาเสพติดแล้ว ปัจจุบันยังพบว่ามีแหล่งผลิตใหม่ คือ แหล่งพระจันทร์เสี้ยว ซึ่งอยู่ในโซนประเทศอาฟกานิสถาน ปากีสถาน และอิหร่าน ก็เป็นอีกแหล่งผลิตสำคัญที่มีการผลิตยาเสพติดออกจากจำหน่าย ขณะที่ไทยเป็นเพียงประเทศทางผ่านของยาเสพติดเท่านั้น จึงต้องประสานกับหน่วยงานปราบปรามยาเสพติดระหว่างประเทศเพื่อช่วยกันเฝ้าระวัง ป้องกันและปราบปรามไม่ให้ยาเสพติดทะลักเข้ามา”รมว.ยุติธรรมกล่าว
ทั้งนี้ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างประเทศที่ผ่านมา ป.ป.ส.และหน่วยงานเกี่ยวข้องได้เพิ่มมาตรการสกัดกั้นการควบคุมเคมีภัณฑ์และสารตั้งต้น ไม่ให้เข้าและออกจากแหล่งผลิตยาเสพติด จากสามเหลี่ยมทองคำ เพื่อสกัดกั้นไม่ให้ยาเสพติดจากแหล่งผลิตสู่ประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ผ่านการดำเนินงานภายใต้แผนปฏิบัติการแม่น้ำโขงปลอดภัย 6 ประเทศ ระยะ 4 ปี (พ.ศ. 2562 - 2565) ซึ่งผลการดำเนินงานสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้กว่า 1,900 ราย ยึดของกลางยาบ้า 444 ล้านเม็ด ไอซ์ 18.5 ตัน กัญชา 16.9 ตัน เฮโรอีน 2.9 ตัน ฝิ่น 1.9 ตัน เคมีภัณฑ์ 392 ตัน และสารตั้งต้น 84 ตัน ส่วนการปราบปรามยาเสพติดและบังคับใช้กฎหมาย การทำลายโครงสร้างการค้ายาเสพติดอาชญากรรมที่เกิดขึ้นจากยาเสพติด จากการสืบสวน ปราบปราม นักค้ายาเสพติดรายสำคัญ สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้กว่า 380,000 คน ดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินได้กว่า 900 ล้านบาท