มหาเศรษฐีทั่วโลกรวยลดลง 11 ล้านล้าน
มหาเศรษฐีทั่วโลกรวยลดลง 11 ล้านล้านบาทเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากเหตุวุ่นวายทางภูมิศาสตร์การเมือง และความผันผวนในตลาดตราสารทุน นับเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่มหาเศรษฐีโลกรวยลดลง
รายงานมหาเศรษฐีของ “ยูบีเอส/พีดับเบิลยูซี” ฉบับล่าสุด ระบุว่า สินทรัพย์ของมหาเศรษฐีทั่วโลกเมื่อปี 2561 ลดลง 3.88 แสนล้านดอลลาร์ หรือราว 11.79 ล้านล้านบาท เหลือ 8.539 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 259 ล้านล้านบาท
มูลค่าความมั่งคั่งลดลงอย่างมากในจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน ที่เรียกว่า “เกรทเตอร์ ไชน่า” ซึ่งเป็นแหล่งมหาเศรษฐีขนาดใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐ และกลุ่มมหาเศรษฐีในเอเชียแปซิฟิก
บรรดาธนาคารเอกชน รวมถึงยูบีเอส ซึ่งเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในโลก ต่างได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน และความไม่แน่นอนทางการเมืองทั่วโลก ในขณะที่เมื่อปีที่แล้ว ลูกค้าธนาคารซื้อขายสินทรัพย์และตราสารหนี้ลดลง เพื่อเก็บสะสมเงินสดมากขึ้น
มหาเศรษฐีจีนรวยลดลง 12.8% เมื่อคิดเป็นสกุลดอลลาร์ เพราะราคาหลักทรัพย์ร่วง เงินสกุลท้องถิ่นอ่อนค่า และเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงแตะระดับต่ำที่สุดในรอบเกือบ 30 ปี อย่างไรก็ดี จีนยังคงมีมหาเศรษฐีเกิดใหม่ทุก 2 วันถึง 2 วันครึ่ง
ความปั่นป่วนทางภูมิศาสตร์การเมืองและความผันผวนในตลาดตราสารทุนทำให้มหาเศรษฐีทั่วโลกรวยลดลง ยกเว้นในทวีปอเมริกาที่ผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยียังคงครองอันดับต้น ๆ ของมหาเศรษฐีในสหรัฐที่มีทั้งหมด 749 คน ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความยืดหยุ่นในการรับมือกับความผันผวน
รายงานของยูบีเอส/พีดับเบิลยูซี ระบุว่า ตลาดหลักทรัพย์ที่ฟื้นตัวหลังจากดิ่งลงหนักช่วงปลายปีก่อนช่วยให้มหาเศรษฐีหลายคนมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น แต่หลายครอบครัวก็ยังคงกังวลปัญหาต่าง ๆ ตั้งแต่เรื่องสหราชอาณาจักรจะออกจากสหภาพยุโรปหรือเบร็กซิท กระแสประชานิยม ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จึงเลือกที่จะเก็บทรัพย์สินไว้ในรูปของเงินสดต่อไป