‘บีกริม’ ทะยานเกือบ 100% เฮเข้า ‘เอ็มเอสซีไอ’
ตลาดหุ้นไทยปีนี้ผันผวนหนัก ขึ้นแรง ลงแรง ท่ามกลางสารพัดปัจจัยเสี่ยงทั้งในและต่างประเทศ ที่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุน ทำให้บรรดาคอหุ้นต้องงัดกลยุทธ์ออกมารับมือกันเต็มที่ เพื่อเลือกเฟ้นหุ้นพื้นฐานดีเก็บเข้าพอร์ต
ดาวเด่นของปีนี้ต้องขอยกตำแหน่งให้กลุ่มโรงไฟฟ้า ซึ่งเป็นเสมือนหลุมหลบภัยชั้นดี ท่ามกลางตลาดที่ผันผวน เพราะผลการดำเนินงานเติบโตสม่ำเสมอ มีรายได้เข้ามาแน่นอนตามสัญญาซื้อขายไฟ จึงไม่ค่อยอิงไปกับภาวะเศรษฐกิจหรือตลาดหุ้นมากนัก เรียกว่าตอบโจทย์พอดี
ส่งผลให้หุ้นโรงไฟฟ้าปีนี้ทะยานขึ้นร้อนแรง ทำออลไทม์ไฮกันอย่างคึกคัก ทั้งหุ้นเล็กหุ้นใหญ่ หนึ่งในนั้น คือ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ที่ราคาพุ่งติดจรวด ปีนี้ขึ้นมาแล้วเกือบ 100% จากต้นปีเปิดซื้อขายที่ 26.50 บาท มาปิดล่าสุด (8 พ.ย.) ที่ 52.25 บาท ล้อไปกับผลประกอบการที่ขยายตัวต่อเนื่อง จากโรงไฟฟ้าใหม่ที่ทะยอยเดินเครื่องจ่ายไฟเข้าระบบตลอดทั้งปี
ย้อนกลับไปเมื่อวันศุกร์ (8 พ.ย.) บีกริมเพาเวอร์ ติด 1 ใน 10 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นมากที่สุด ตอบรับข่าวดีหลังได้รับคัดเลือกเข้าคำนวณในดัชนี MSCI Global Standard รอบใหม่ ร่วมกับอีก 3 หลักทรัพย์ ได้แก่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC, บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ OSP และ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD โดยจะมีผลบังคับใช้ ณ ราคาปิดของวันที่ 26 พ.ย. นี้
แน่นอนว่าจะช่วยดึงดูดเม็ดเงินลงทุนเข้ามาซื้อหุ้นอีกไม่น้อย ทั้งจากนักลงทุนรายย่อยและกองทุนที่ลงทุนอิงไปกับดัชนีฯ MSCI ซึ่งหากยึดตามสถิติแล้ว หุ้นที่ถูกเข้าคำนวณในดัชนี MSCI Global Standard จะให้ผลตอบแทยเฉลี่ย 5-6% นับตั้งแต่วันที่ประกาศจนถึงวันที่มีผลบังคับใช้
ต้องบอกว่าช่วงนี้ บีกริมเพาเวอร์ มีข่าวดีเข้ามาเพียบ นอกจากเข้า MSCI ล่าสุด เตรียมคว้างานใหญ่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (Hydro-Floating Solar) หรือ โซลาร์ลอยน้ำ ในพื้นที่เขื่อนสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี ขนาดกำลังผลิต 45 เมกะวัตต์ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
โดยบริษัทร่วมกับพันธมิตรจากประเทศจีน China Energy Engineering Corporation ในนามของ B.GRIMM POWER - ENERGY CHINA CONSORTIUM เข้ายื่นประมูลและเสนอราคาต่ำที่สุด ขณะนี้รอ กฟผ. ประกาศผลอย่างเป็นทางการไม่เกินสิ้นเดือนนี้ ซึ่งดูแล้วไม่น่ามีอะไรผิดพลาด ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการใหญ่ที่น่าสนใจ สอดรับกับนโยบายของรัฐ ซึ่งตามแผนพัฒนากำลังผลิตพลังไฟฟ้าของประเทศไทยฉบับปัจจุบัน (PDP2018) กำหนดให้โซลาร์ลอยน้ำมีขนาดกำลังการผลิตตาม PDP สูงถึง 2,725 เมกะวัตต์ เชื่อว่าจะมีอีกหลายโครงการเตรียมเปิดประมูลตามมา
ส่วนในต่างประเทศยังเดินหน้าขยายการลงทุนต่อเนื่องเช่นกัน ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันเพิ่งจะเซ็นเอ็มโอยูกับ Petrovietnam Power Corporation บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของเวียดนาม เพื่อร่วมกันศึกษาโครงการโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เป็นเชื้อเพลิง กำลังการผลิตรวม 3 พันเมกะวัตต์ และโครงการนำเข้าและจำหน่าย LNG เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับโรงงานผลิตไฟฟ้าในประเทศเวียดนาม ถือเป็นโครงการใหม่ที่บริษัทเตรียมเข้าไปลงทุน จากก่อนหน้านี้ประสบความสำเร็จจากโครงการโซลาร์ฟาร์มมาแล้ว
ต้องยอมรับว่าตลาดพลังงานของเวียดนามตอนนี้กำลังบูมสุดๆ รับเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างร้อนแรง ขณะที่ภาคธุรกิจขยายการลงทุนกันอย่างต่อเนื่อง บริษัทข้ามชาติจำนวนมากขอย้ายฐานการผลิตหนีภัยสงครามการค้าเข้าไปตั้งโรงงานในเวียดนาม ทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก
แต่ไม่ใช่แค่ประเทศเวียดนามที่ บีกริมเพาเวอร์ เข้าไปลงทุนเท่านั้น เพราะยังมีอีกหลายโครงการในหลายประเทศที่อยู่ในแผน เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานลม ที่เกาหลีใต้ ขนาด 100-150 เมกะวัตต์ เฟสแรกราว 40 เมกะวัตต์ น่าจะเดินเครื่องสิ้นปีนี้ มีโครงการโรงไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (SPP) ที่มาเลเซีย 200 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างศึกษาโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในสปป.ลาว 300-350 เมกะวัตต์ และโซลาร์ฟาร์มที่ฟิลิปปินส์
แน่นอนว่าเมื่อทุกโครงการเดินหน้าตามแผน ถือเป็นการการันตีรายได้ส่วนเพิ่มให้กับบริษัท แต่ดูจากราคาหุ้นที่พุ่งทะยานขึ้นราวกับติดจรวด น่าจะตอบรับข่าวดีไปเยอะแล้วเช่นกัน ทำให้บรรดานักวิเคราะห์ส่วนใหญ่แนะนำให้หาจังหวะเทรดดิ้ง รอย่อแล้วค่อยเข้าไปเก็บจะดีกว่า เพราะราคาวิ่งไปไกลแล้ว แต่ด้วยพื้นฐานยังถือเป็นอีกหนึ่งหุ้นที่ปลอดภัยและน่าสนใจในช่วงนี้