'โฆษกศาลยุติธรรม' ชี้แจงเหตุยิงกันศาลจันทบุรี ล่าสุดดับ 3 ราย

'โฆษกศาลยุติธรรม' ชี้แจงเหตุยิงกันศาลจันทบุรี ล่าสุดดับ 3 ราย

"โฆษกศาล" ระบุยิงในห้องพิจารณา เป็นคู่ความคดีอาญาฟ้องเท็จจากเคสคดีแพ่งที่ดิน ล่าสุดคนก่อเหตุเสียชีวิตด้วย ขณะที่ "เลขาธิการศาล" ออกหนังสือเวียนถึง ผอ.ทุกศาล เข้มการตรวจค้นตัวละเอียดก่อนขึ้นศาล

จากกรณีที่ช่วงเช้าวันนี้ (12 พ.ย.) มีผู้ก่อเหตุยิงคู่ความในคดีและทนายความ ภายในห้องพิจารณาของศาลจังหวัดจันทบุรี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ระหว่างรอกระบวนพิจารณาคดีพิพาทมรดกที่ดิน โดยมีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตด้วย 2 คนเป็นทนายความ และผู้ถูกยิงบาดเจ็บ 3 คนรวมผู้ก่อเหตุด้วยซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยบริเวณ ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงสกัดได้รับบาดเจ็บหลังก่อเหตุดังกล่าว

ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่า วันนี้ (12 พ.ย.) ได้รับแจ้งว่า เวลา 09.00 น. เกิดเหตุยิงกันในห้องพิจารณาคดีที่ 2 ของศาลจังหวัดจันทบุรี โดยในเบื้องต้นตรวจสอบพบว่ามีผู้ถูกยิงจำนวน 5 ราย ประกอบไปด้วย 1.นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ (เป็นโจทก์ที่ 2 และ ในฐานะทนายโจทก์ ที่ 2 และ 3) 2.นายวิจัย สุขรมย์ (ทนายฝ่ายโจทก์) 3.นางสุภาพร ปรมีศณาภรณ์ (ภริยานายบัญชา) 4.นายวิชัย อุดมธนภัทร (ทนายฝ่ายโจทก์) และ 5.พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ จำเลยที่ 3 เป็นผู้ก่อเหตุยิง 4 รายแรก แต่ตนเองก็ถูกยิงจนได้รับบาดเจ็บ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้บาดเจ็บ และผู้ก่อเหตุ ส่งไปรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี ต่อมาได้รับรายงานว่าจากเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิต 3 ราย คือ นายบัญชา ปรณีศณาภรณ์ , นายวิจัย สุขรมย์ และ พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ (ผู้ก่อเหตุ)

 

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นั้น สืบเนื่องจากคู่ความทั้งสองฝ่ายพิพาทกันหลายคดีต่อเนื่องมานานหลายปี เริ่มต้นจากคดีแพ่งพิพาทเกี่ยวด้วยที่ดิน และทั้งสองฝ่ายมีการฟ้องคดีอาญากันอีกหลายคดีรวมถึงคดีที่มีนัดพิจารณาวันนี้ด้วย โดยคดีนี้เป็นการฟ้องคดีอาญา ข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ อยู่ระหว่างการสืบพยานฝ่ายจำเลย โดยได้รับรายงานว่าในการพิจารณาคดีที่ผ่านมามีการโต้เถียงกันของทั้งสองฝ่ายอยู่บ่อยครั้ง ขณะเกิดเหตุวันนี้องค์คณะผู้พิพากษายังไม่ได้ขึ้นนั่งพิจารณาคดี เนื่องจากคู่ความในคดียังเดินทางมาไม่ครบ ในช่วงที่เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์เดินออกจากห้องพิจารณาคดี จำเลยที่ 3 ( พล.ต.ต.ธารินทร์) ได้ก่อเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้น ดังนั้นจึงไม่มีผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ศาลได้รับบาดเจ็บ

สำนักงานศาลยุติธรรมขอเรียนว่า จะดำเนินการตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริง เพื่อปรับปรุงมาตรการการรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชนผู้มาติดต่อราชการศาลและบุคลากรที่ทำงานอยู่ในอาคารศาลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สำหรับภาพเหตุการณ์ความรุนแรงภายในศาลนั้น สำนักงานศาลยุติธรรมขอให้สื่อมวลชนและประชาชนงดเผยแพร่ภาพดังกล่าวเพราะอาจจะกระทบสิทธิผู้อื่นและเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาลได้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วย สำหรับเรื่องของมาตรการความปลอดภัยบริเวณศาลนั้น ภายหลังจากที่เกิดเหตุ 3 ผู้ต้องขังชาย-หญิง คดียาเสพติด หนีจากห้องควบคุมตัวในศาลจังหวัดพัทยา โดยมีอาวุธปืนและมีดที่ลักลอบนำเข้าไปทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยและความเรียบร้อยบริเวณศาลได้รับบาดเจ็บไปเมื่อปลายเดือน ต.ค.ที่ผ่านมานั้น

 

ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 พ.ย. นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ได้ลงนามในหนังสือถึงหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดศาลยุติธรรม ให้เพิ่มมาตรการความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยในบริเวณศาล ซึ่งระบุว่า ตามที่เกิดเหตุ จำเลยในคดียาเสพติดของศาลจังหวัดพัทยา จำนวน 3 ราย ใช้อาวุธมีดแทง และใช้อาวุธปืนข่มขู่เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำศาลจังหวัดพัทยา ภายในห้องคุมขังและขึ้นรถยนต์หลบหนีไปจากห้องคุมขังของศาลจังหวัดพัทยานั้น และมีกรณีเกิดเหตุการณ์ความไม่ปลอดภัยขึ้นภายในศาลต่างๆ ทั่วประเทศบ่อยครั้งอาจส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์และกระบวนการยุติธรรมของศาลยุติธรรมได้นั้น

ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันความผิดพลาด ลดความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อการควบคุมผู้ต้องหาหรือจำเลย ไม่ให้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นในลักษณะเช่นนี้อีก จึงขอให้แต่ละศาลเพิ่มมาตรการความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณศาลให้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อเป็นการสร้างความอุ่นใจและสร้างความเชื่อมั่นในการรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้เดินทางมาศาล

ทั้งนี้ ให้ ผอ.สำนักอำนวยการประจำศาล หรือ ผอ.สำนักงานประจำศาล เพิ่มความระมัดระวัง โดยกำชับให้เจ้าหน้าที่รักษาปลอดภัย และเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำศาล ให้มีการตรวจค้นตัวและสิ่งของอย่างละเอียด และให้ถือปฏิบัติตามระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม (ก.บ.ศ.) ว่าด้วยการรักษาความปลอดภัย พ.ศ. 2550 อย่างเคร่งครัดต่อไป