ราคากาแฟร่วง! สวนกระแสนิยม
แม้ว่าการบริโภคกาแฟจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ราคาเอสเพรสโซหรือลาเต้หนึ่งแก้วแพงอย่างไม่เคยมีมาก่อน แต่ราคา "เมล็ดกาแฟ" กลับลดลงอย่างน่าใจหาย เกิดอะไรขึ้นกับสมการที่ผันผวนเช่นนี้?
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า สัญญาซื้อขายล่วงหน้าอราบิกาและโรบัสตา กาแฟสองสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ร่วงลง 40% ตั้งแต่ต้นปี 2560 ตอนนี้อยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
ส่วนใหญ่เป็นเพราะผลผลิตในบราซิล ผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่ของโลกมีมากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ข้อมูลจากองค์การกาแฟระหว่างประเทศ (ไอซีโอ) เผยว่า ในทศวรรษที่ผ่านมาการบริโภคกาแฟเติบโตเฉลี่ย 2.1% ต่อปี
ด้าน แฟร์เทรด อินเตอร์เนชันแนล ที่พยายามปรับปรุงราคาและสภาพการทำงานเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร รายงานว่า ทุกปีมีการดื่มกาแฟถึง 2 พันล้านถ้วย
วาเลเรีย โรดริเกซ ผู้จัดการแม็กซ์ เฮฟลาร์ ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นองค์กรเพื่อการค้าเป็นธรรมเผยว่า วิกฤติราคากำลังเริ่มสร้างปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างแท้จริงกับผู้ผลิต
แจ็ค โชวิลล์ นักวิเคราะห์ตลาดฟิวเจอร์สจากไพรซ์กรุ๊ปเผยว่า ในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ผู้ผลิตรายเล็กจำนวนมากเลิกปลูกกาแฟไปแล้ว โดยเฉพาะผู้ที่ปลูกอราบิกา ซึ่งปลูกยากกว่าสายพันธุ์โรบัสตาที่ชื่นชอบกันในเอเชีย มีไม่กี่รายเท่านั้นที่มีเงินลงทุน อีกทั้งการเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีเพื่อความประหยัดต่อขนาดก็จำเป็นต้องมีผืนดินอุดมสมบูณ์ แต่ที่ดินแบบนี้มีจำกัด
จอร์ดี วิลค์ส หัวหน้าฝ่ายวิจัยบริษัทซัสเดนไฟแนเชียลกล่าววา ปรากฏการณ์เช่นนี้ "ส่งผลให้ในฤดูกาล 2562/2563 ประเทศที่มีต้นทุนการผลิตสูงขึ้น เช่น โคลอมเบีย ฮอนดูรัส และกัวเตมาลา น่าจะผลิตกาแฟได้น้อยลง”
ตัวเลขที่ไอซีโอเผยแพร่เมื่อสัปดาห์ก่อนฉายภาพให้เห็นแนวโน้มว่า ฤดูกาลที่จะถึงนี้อเมริกาใต้ผลิตกาแฟลดลง 3.2% ขณะที่ผลผลิตทั้งโลกลดลง 0.9%
คาร์ลอส เมรา นักวิเคราะห์จากราโบแบงก์ กล่าวเสริมว่า ในเวลาเวลาเดียวกันความต้องการกาแฟคุณภาพสูงแข็งแกร่งมาก ช่วยคุ้มครองราคาให้กับกาแฟบางสายพันธุ์ในบางภูมิภาค
ที่ผ่านมา "แม็กซ์ เฮฟลาร์ ฝรั่งเศส" ได้ประกันราคาขั้นต่ำให้กับผู้ผลิตของตนไว้ที่ 1.40 ดอลลาร์ต่อกาแฟ 1 ปอนด์ และถ้าเป็นกาแฟออร์แกนิกจะมีโบนัสแถมให้ด้วย แต่องค์กรการค้าเป็นธรรมแบบนี้ก็เป็นตัวแทนแค่เศษเสี้ยวเล็กๆ ในตลาด ผู้ผลิตส่วนใหญ่ยังต้องเสี่ยงกับราคาที่ถูกผู้ค้าในลอนดอนและนิวยอร์กร่วมกันกำหนด
พอล เบลชี จากแม็กซ์ เฮฟลาร์ ฝรั่งเศส สรุปว่า ราคากาแฟที่ผู้ค้ากำหนดไว้ให้อยู่ในระดับต่ำ ไม่ส่งผลต่อราคาผู้บริโภค เนื่องจากซัพพลายเชนยาว เริ่มตั้งแต่ที่ราบในอเมริกาใต้ไปจนถึงร้านกาแฟทันสมัยในเมืองใหญ่ของโลก
เมื่อคิดถึงปัจจัยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบริษัทกาแฟอย่างเนสท์เล่และลาวาซซา ค่าขนส่ง ค่าอสังหาริมทรัพย์ และพนักงาน ราคากาแฟมีสัดส่วนเพียง 10% ของค่ากาแฟที่ลูกค้าจ่ายหน้าเคาน์เตอร์เท่านั้น
ส่วนสายพันธุ์หายากอย่าง จาไมกา บลูเมาเทน, เทอร์ราซู คอสตาริกา หรือบูร์บองปองตูจากเรอูนิยง ราคาพอๆ กับคาร์เวียร์ โดยผู้ผลิตกับพ่อค้าต้องเจรจากันโดยตรง
บางสายพันธุ์ซื้อขายกันในราคากิโลกรัมละกว่า 110 ดอลลาร์ เทียบกับราคาอาราบิกา ไอซีอีฟิวเจอร์ตลาดนิวยอร์กเมื่อสัปดาห์ก่อนที่กิโลกรัมละไม่ถึง 2.2 ดอลลาร์ สำหรับผู้บริโภคแล้ว กาแฟบูร์บองปองตู ตอนนี้ซื้อขายกันทางออนไลน์แพงถึง 54 ดอลลาร์ ต่อ 125 กรัม