จีนทุบตลาดซีแอลเอ็มวี

จีนทุบตลาดซีแอลเอ็มวี

ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ ม.หอการค้าไทย เผยผลศึกษาสินค้าจีนในตลาดซีแอลเอ็มวี พบ จีนกินรวบตลาดซีแอลเอ็มวี ทั้งกัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนาม คาดอีก 5 ปีไทยสูญเสียส่วนแบ่งตลาด 1.8 แสนล้านบาท จี้นักธุรกิจไทยเร่งปรับตัว

นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลการศึกษาสินค้าจีนในตลาดซีแอลเอ็มวี ที่มีผลกระทบต่อไทยว่า ปัจจุบันจีนได้เข้ามาบทบาทและเป็นปัจจัยกระทบต่อการค้าการส่งออกของอาเซียน รวมถึงไทย มาตลอด15 ปีทั้งก่อนเปิดเสรีการค้าในอาเซียน(เออีซี)และเปิดเสรีภายใต้อาเซียนกับจีน โดยสัดส่วนการนำเข้าภายในตลาดอาเซียนด้วยกันมีทิศทางลดลง แต่อาเซียนนำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้น 7.5 เท่า หรือคิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้น 277,009 ล้านดอลลาร์  ขณะที่อาเซียนส่งออกไปจีนเพิ่มขึ้น 4.1 เท่า คิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้น 194,530 ล้านดอลลาร์

ทั้งนี้หากพิจารณาเป็นรายประเทศในกลุ่มซีแอลเอ็มวี ซึ่งประกอบด้วย โดยตลาดเวียดนามนั้นพบว่าสินค้าที่ไทยมีความเสี่ยงมากที่จะสูญเสียให้กับสินค้าจีน เช่น ด้าย ผ้าทอ ใยสังเคราะห์ ร็อกลอบสเตอร์และกุ้ง ไม้ แผงไม้ปูพื้น กระเบื้องไม้เหล็ก และส่วนประกอบ ข้าวโพด เครื่องหนัง เครื่องใช้สำหรับ เดินทาง กระเป๋าถือ ชา กาแฟ  แผ่นตะกั่ว เปลือกหม้อเก็บไฟฟ้า ผลไม้แห้ง เคมีภัณฑ์ เคมี คอนกรีต น้ำตาล มันสำปะหลัง แบตเตอรี่ ผลิตภัณฑ์จำพวกดอกไม้เพลิง ไม้ขีดไฟ

ส่วนตลาดเมียนมา สินค้าที่ไทยมีความเสี่ยงที่จะถูกสินค้าจีนแย่งตลาด เช่น เครื่องดื่ม สุรา ซอสและผงปรุงอาหาร ผลิตภัณฑ์จาก เหล็กหรือเหล็กกล้า ผลิตภัณฑ์ปรุงแต่งจากธัญพืช แป้ง เครื่องแต่งกาย เมล็ดธัญพืช ยางใน และยางนอกรถยนต์กระดาษและกระดาษแข็ง เครื่องมือ เครื่องใช้ ของใช้ชนิดมีคม ช้อนและ ส้อม ผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากปลา

ส่วนสปป.ลาวนั้นสินค้าที่ไทยมีความเสี่ยงที่จะถูกสินค้าจีนแย่งตลาด เช่น ของปรุงแต่งจากธัญพืช แป้ง ยาง สังเคราะห์ ยางนอก น้ำตาล ผ้าห่มและผ้าคลุมตัว ดอกไม้เทียม ใบไม้เทียม ผลไม้เทียม พรมและสิ่งทอปูพื้น และตลาดกัมพูชา พบว่าสินค้า ไทยมีความเสี่ยงที่จะถูกสินค้าจีนแย่งตลาด คือ น้ำาตาล ปูนขาวและซีเมนต์ ผ้าสิ่งทอใช้ในอุตสาหกรรม

“คาดว่าอีก 5 ปีข้างหน้าสินค้าไทยมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียส่วนแบ่งตลาดซีแอลเอ็มวี ให้กับสินค้าจีน 187,795 ล้านบาท จากปัจจุบันที่สินค้าจีนเข้ามาทำตลาดในตลาดซีแอลเอ็มวีในปี 61 มูลค่ากว่า 3 ล้านล้านบาท  เนื่องจากสินค้าจีนมีราคาต่ำตรงความต้องการของผู้บริโภคในภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว, นักธุรกิจจีนเข้ามาลงทุนในซีแอลมากขึ้นส่วนหนึ่งเป็นโยบายส่งเสริมของรัฐบาลจีนและหลีกเลี่ยงปัญหาสงครามการค้าสหรัฐ-จีน 157476067760

นายอัทธ์ กล่าวว่า สิ่งที่นักธุรกิจไทยต้องปรับตัวเพื่อรับกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นผ่าน  3 ยุทธศาสตร์ คือ 1. ยุทธศาสตร์บินไปกับพญามังกร โดยร่วมเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุตสาหกรรมหรือธุรกิจจีนเพื่อขายให้กับ ประชาชนลาวหรือเป็นฐานการผลิตส่งออกไปประเทศที่สาม 2. ยุทธศาสตร์เสียบปลั๊ก  โดย จังหวัดของไทยที่ใกล้กับเส้นทางรถไฟจีน-ลาวผ่านต้องรีบเข้าไปหาลู่ทางธุรกิจ อาจจะสร้างศูนย์กระจายสินค้าของจังหวัด เช่น จังหวัดน่านใกล้กับสถานีรถไฟหลวงกรบางมากที่สุด 3. ยุทธศาสตร์ปลายซอย  โดยธุรกิจไทยจะเข้าไปช่วยเติมเต็มธุรกิจจีน เช่น ธุรกิจโรงแรมจีน และธุรกิจ ห้างสรรพสินค้าจีน จะมีสินค้าสำเร็จรูปไทยเข้าไปจำหน่าย