ครม.เห็นชอบปรับนิยาม ‘เอสเอ็มอี’ยึดเกณฑ์รายได้แทนมูลค่าสินทรัพย์
ครม.เห็นชอบปรับนิยามเอสเอ็มอีจากเดิมใช้เกณฑ์มูลค่าสินทรัพย์มาเป็นเกณฑ์จำนวนการจ้างาน และรายได้ของเอสเอ็มอีจากเดิมที่ใช้เกณฑ์มูลค่าทรัพย์สินมาเป็นเกณฑ์รายได้ของวิสาหกิจแทน
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (26 พ.ย.) มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งป็นการปรับแก้คำนิยามของวิสาหกิจขนาดกลางและวิสาหกิจขนาดย่อม โดยยังคงใช้เกณฑ์จำนวนลูกจ้างแต่เปลี่ยนจากเกณฑ์มูลค่าทรัพย์สินมาเป็นเกณฑ์รายได้ของวิสาหกิจแทน
นอกจากนี้ยังกำหนดขนาดกิจการและแบ่งกิจการออกเป็นประเภทการผลิตสินค้า การให้บริการและการค้าส่งและการค้าปลีก เพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายเอสเอ็มอีในการส่งเสริมและช่วยเหลือสนับสนุนผู้ประกอบการได้เหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน
ทั้งนี้นิยามที่ปรับแก้ใหม่คือวิสาหกิจรายย่อย ประเภทผลิตสินค้าและการให้บริการ การค้าส่งและค้าปลีก มีลูกจ้างไม่เกิน 5 คน มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 1.8 ล้านบาท ขณะที่วิสาหกิจขนาดย่อม ประเภทการผลิตสินค้า มีลูกจ้าง 6-50 คน มีรายได้ต่อปีมากกว่า 1.8-100 ล้านบาท ประเภทการให้บริการ การค้าส่งและค้าปลีก มีลูกจ้าง 6-30 คน มีรายได้ต่อปีมากกว่า 1.8 - 50 ล้านบาท
ส่วนวิสาหกิจขนาดกลาง ประเภทการผลิตสินค้า มีลูกจ้าง 51 - 200 คน มีรายได้ต่อปีมากกว่า 100 - 500 ล้านบาท ประเภทการให้บริการ การค้าส่งและค้าปลีก มีลูกจ้าง 31-100 คน มีรายได้ต่อปีมากกว่า 50 - 300 ล้านบาท โดยจำนวนลูกจ้างทั้งหมดให้พิจารณาจากหลักฐานแสดงจำนวนลูกจ้างที่จัดทำขึ้นตามกฎหมาย ขณะที่จำนวนรายได้ ให้พิจารณาจากรายได้รวมที่ระบุไว้ในงบการเงินที่จัดขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการบัญชีกำหนดหรือเอกสารบัญชีแสดงรายได้ ส่วนกรณีที่กิจการมีจำนวนลูกจ้างเข้าเกณฑ์นิยามวิสาหกิจประเภทหนึ่ง แต่รายได้ไม่เข้าเกณฑ์ ให้ยึดรายได้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา