โครงการ 'รีไฟแนนซ์' ให้ดีต้องลดดอกเบี้ยถาวร
นับเป็นข่าวดีต้อนรับปี 2563 ธปท.ได้ผุด "โครงการรีไฟแนนซ์" ให้กับลูกหนี้กลุ่มที่มีวินัย การจ่ายหนี้บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด เพื่อหวังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แม้จะอยู่ในขั้นศึกษา
นับเป็น "ข่าวดี" ของลูกหนี้ที่ "มีวินัย" การจ่ายหนี้บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด เพราะธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อยู่ระหว่างร่างรายละเอียด "โครงการรีไฟแนนซ์" ให้กับลูกหนี้กลุ่มนี้ โดยเบื้องต้นผู้ที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษเพียง 7-12% จากอัตราดอกเบี้ยปกติที่ 18-28%
ซึ่งโครงการนี้ มีเป้าหมายเพื่อช่วยลดภาระการเงินให้กับประชาชนที่มีวินัยการชำระหนี้เป็นอย่างดี หวังช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว อีกทั้งยังช่วยป้องกันลูกหนี้กลุ่มนี้ไม่ให้ตกชั้นกลายเป็นหนี้เสีย เพราะปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณผิดนัดชำระหนี้ที่มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่า ทุกคนที่เป็นหนี้บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดจะเข้าโครงการนี้ได้ เพราะอย่างที่บอก คือ อย่างน้อยต้องเป็นลูกหนี้ที่มีวินัยดี โดย ธปท.ขีดเงื่อนไขเบื้องต้นว่า ต้องผ่อนชำระต่อเนื่องเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 12 เดือน และต้องเป็นผู้ที่มีรายได้ประจำ อายุไม่เกิน 70 ปี ณ วันสิ้นสุดสัญญา ส่วนรูปแบบการชำระ ต้องผ่อนชำระคงที่ตลอดสัญญา โดยระยะเวลาผ่อนอยู่ในช่วง 1-4 ปี วงเงินไม่เกินรายละ 1 แสนบาท ส่วนผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการต้องยินยอมให้ บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ทุกเดือน
สำหรับอัตราดอกเบี้ยที่ได้รับจะขึ้นกับสาขาอาชีพและระยะเวลาผ่อนชำระ โดยกลุ่มข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานและลูกจ้างองค์กรของรัฐ ที่มีรายได้ประจำ มีระดับความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ต่ำกว่า 5% จะได้รับการคิดดอกเบี้ย 7-10% ขึ้นกับระยะเวลาการผ่อนชำระ ส่วนประชาชนทั่วไป ผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอี มีความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ต่ำกว่า 8% จะได้รับการคิดอัตราดอกเบี้ย 9-12% ขึ้นกับระยะเวลาผ่อนชำระ
ประมาณการกันว่าผู้ที่จะได้รับอานิสงส์จากโครงการรีไฟแนนซ์ของ ธปท. มีราวๆ 4.7 ล้านบัญชี คิดเป็นมูลหนี้รวมประมาณ 1.5 แสนล้านบาท แบ่งเป็น "ลูกหนี้บัตรเครดิต" ที่มีประวัติผ่อนชำระต่อเนื่อง 12 เดือน ราว 3 ล้านบัญชี มูลหนี้รวม 9 หมื่นล้านบาท คิดเป็นยอดเฉลี่ยต่อบัญชี 3 หมื่นบาท ส่วน "ลูกหนี้บัตรกดเงินสด" ที่ชำระหนี้ต่อเนื่อง 12 เดือน มีราว 1.7 ล้านบัญชี มูลหนี้รวม 6 หมื่นล้านบาท คิดเป็นยอดเฉลี่ยต่อบัญชีราว 3.5 หมื่นบาท
...แต่ต้องขอย้ำอีกครั้งว่า โครงการรีไฟแนนซ์ ที่ว่านี้ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาเพื่อลงรายละเอียดจากทาง ธปท. ซึ่งคาดว่าทุกอย่างจะมีความชัดเจนภายในต้นปี 2563
ต้องบอกว่า "โครงการรีไฟแนนซ์" ของ ธปท. ถือเป็นโครงการที่ดี เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า ดอกเบี้ยที่ผู้ประกอบการบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดเรียกเก็บอยู่ในปัจจุบันที่อัตรา 18-28% ถือเป็นอัตราดอกเบี้ยที่มหาโหด แม้จะบอกว่าเป็นสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันทำให้ต้องคิดอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง แต่เชื่อว่าใครอีกหลายคน คงมีคำถามคล้ายๆ กันว่า แล้วคนที่เป็นลูกหนี้ดี ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยในการชำระหนี้ ต้องมาจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่สูงเช่นนี้ด้วยหรือ การลดดอกเบี้ยให้กับลูกหนี้ดีจึงเป็นเรื่องสมควร แต่หากจะให้ดีจริงๆ เราเห็นว่าควรต้องลดดอกเบี้ยเป็นการถาวรให้กับลูกหนี้กลุ่มนี้ หากทำได้จะถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของธนาคารแห่งประเทศไทย