‘บิ๊กดาต้า-เทคโนโลยี’ หนุน ‘ยักษ์ท่องเที่ยว’ โตตลาดเอเชีย

ระหว่างประชุมประจำปีที่เมืองลาสเวกัสของสหรัฐเมื่อเดือนที่แล้ว เหล่าผู้บริหารของ “เอ็กซ์พีเดีย กรุ๊ป” บริษัทโอทีเอระดับโลก ยอมรับว่า การจะขยายตลาดในเอเชียแปซิฟิกนั้น ต้องอาศัยความ “บูม” ของเทคโนโลยีเข้าช่วย

ก่อนหน้านี้ เอ็กซ์พีเดียได้จับมือกับรัฐบาลและหน่วยงานการท่องเที่ยวต่าง ๆ ทั้งในสิงคโปร์ ไทย มาเลเซีย ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย เพื่อช่วยประเทศเหล่านี้ในการใช้ประโยชน์จากข้อมูลการเดินทางและการค้นหาที่มีอยู่ในปัจจุบัน ส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ พร้อมกับขยายการท่องเที่ยวไปยังจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมรองลงมา

ในกรณีของไทย เอ็กซ์พีเดียได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวใน “เมืองรอง” ของไทยบนแพลตฟอร์มของตน

• บิ๊กดาต้าขจัดอุปสรรคเดินทาง

เวนดี โอลสัน คิลเลียน รองประธานเอ็กซ์พีเดีย กรุ๊ป มีเดีย โซลูชันส์ ซึ่งดูแลด้านแพลตฟอร์มการตลาดดิจิทัล ให้สัมภาษณ์พิเศษนอกรอบการประชุมที่ลาสเวกัสว่า การใช้บิ๊กดาต้าเชื่อมแบรนด์ท่องเที่ยวเข้ากับความต้องการของลูกค้าแต่ละคนเป็นหนึ่งในจุดแข็งของเอ็กซ์พีเดีย และวิธีนี้ทำให้ประสบการณ์การเดินทางของลูกค้าราบรื่นไร้อุปสรรค

"คาดว่าแนวโน้มอุตสาหกรรมโอทีเอในอนาคต จะมีบริษัทจำนวนมากขึ้นในอุตสาหกรรมเข้ามาร่วมมือกันเพื่อใช้ประโยชน์จากข้อมูลมหาศาลเหล่านี้ในการนำเสนอบริการที่หลากหลาย และฝ่ายที่ได้ประโยชน์ก็คือนักเดินทางที่จะได้รับประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ดีที่สุด"

สำหรับเอเชียแปซิฟิก คิลเลียนบอกว่า รู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้ อย่างจีนเป็นตลาดที่น่าจับตามาก ผลสำรวจพฤติกรรมการเดินทางโดยเอ็กซ์พีเดียในปี 2560 พบว่า จีนเดินทางมากที่สุดใน 3 ประเทศที่ถูกสำรวจ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย โดยชาวจีนเดินทางเฉลี่ย 5.3 ครั้งต่อคนต่อปี

ส่วนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คิลเลียนระบุว่า บริษัทต้องการเข้าไปสำรวจเพื่อทำความเข้าใจตลาดให้มากกว่านี้ แต่เท่าที่ทราบขณะนี้คือ "การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์" (Creative Tourism) ถือเป็นจุดแข็งของภูมิภาค ด้วยวัฒนธรรมและอาหารท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมยกตัวอย่างสิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย และอินโดนีเซีย ซึ่งมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวทำมากมาย

• ทุ่มทุนเทคโนโลยีกว่า 4 หมื่นล้าน

ที่ผ่านมา เอ็กซ์พีเดียให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง จอห์น มอร์เรย์ รองประธานอาวุโสด้านผู้บริโภค ตลาด และเงินทุน แบรนด์เอ็กซ์พีเดีย ให้สัมภาษณ์นอกรอบว่า ในยุคนี้ บิ๊กดาต้าและปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) มีบทบาทสำคัญอย่างมากในธุรกิจจองการเดินทางออนไลน์ และในปี 2561 บริษัทได้ลงทุนด้านเทคโนโลยีถึง 1,600 ล้านดอลลาร์ หรือราว 4.84 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ เอไอยังมีส่วนสำคัญในเป้าหมายของเอ็กซ์พีเดียในการสร้างการเติบโตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เช่นเดียวกับการปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าสำหรับนักเดินทางเอเชีย อย่างในสิงคโปร์ มีการใช้เอไอเพื่อให้เข้าใจคำค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางมากขึ้น และปรับปรุงความแม่นยำในการตอบสนองคำค้นหานั้น ๆ เป็นภาษาเอเชีย

ขณะที่ บาลา ดัลวี รองประธานฝ่ายเทคโนโลยี เอ็กซ์พีเดีย กรุ๊ป ให้สัมภาษณ์ว่า จีนเป็นหนึ่งในตลาดที่น่าสนใจ เพราะมีอัตราการใช้มือถือสูงมากและมีดาต้าผู้บริโภคมหาศาล

ข้อมูลจากเอ็กซ์พีเดีย กรุ๊ป ระบุว่า กว่า 50% ของทราฟฟิกการเข้าเว็บไซต์ในเครือเอ็กซ์พีเดีย กรุ๊ปทั่วโลก ดำเนินการผ่านมือถือ โดยส่วนมากกระจุกตัวอยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ดัลวี ยอมรับว่า ในฐานะที่รับผิดชอบด้านเทคโนโลยี ส่วนที่เขาอยากปรับปรุงบนแพลตฟอร์มของเอ็กซ์พีเดียขณะนี้คือ การทำให้แพลตฟอร์มมีความเป็นดิจิทัลมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาระบบเอไอ และแมชชีนเลิร์นนิง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่

• เปลี่ยนผ่านช่วงท้าทาย

ปัจจุบัน เอ็กซ์พีเดีย กรุ๊ป อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านการบริหาร หลังจาก มาร์ค โอเกอร์สตรอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) และ อลัน พิคเคอริลล์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (ซีเอฟโอ) ลาออกจากตำแหน่งเมื่อต้นเดือนนี้ และแต่งตั้ง แบร์รี ดิลเลอร์ ประธานบริษัทวัย 77 ปี รักษาการแทนจนกว่าจะได้ซีอีโอคนใหม่

ส่วนสาเหตุการลาออกของผู้บริหารระดับสูงยักษ์ใหญ่โอทีเอรายนี้ สื่อใหญ่หลายสำนักรวมทั้งรอยเตอร์และบิสสิเนส อินไซเดอร์ รายงานตรงกันว่าเป็นเพราะ “ความเห็นไม่ตรงกัน” เกี่ยวกับกลยุทธ์และแนวทางดำเนินธุรกิจระหว่างอดีตซีอีโอกับบอร์ดบริหาร

ขณะเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงนี้ยังมีขึ้นหลังเอ็กซ์พีเดียรายงานผลประกอบการที่ต่ำกว่าเป้าในไตรมาสที่ 3 และต้องเผชิญกับการแข่งขันดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ จาก “แอร์บีแอนด์บี” และ “บุ๊คกิ้ง ดอท คอม” เช่นเดียวกับ “กูเกิล” ที่ลดการมองเห็นผลการค้นหาไปยังเว็บไซต์ในเครือเอ็กซ์พีเดีย คาดว่า ตัวแปรนี้จะเป็นความท้าทายใหญ่หลวงสำหรับยักษ์โอทีเอในระยะยาว