นายกฯ จัดเทรลรันนิ่ง กระตุ้นศก.-รู้ประวัติศาสตร์ไทย
“ประยุทธ์” เล็งจัดเทรลรันนิ่ง “วิ่งเพื่อแผ่นดิน” ทุกเดือนทั่วไทย กระตุ้นเศรษฐกิจ-รู้ประวัติศาสตร์ “นักกีฬาต้องรู้แพ้-รู้ชนะ”
เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 20 ธ.ค.62 เฟซบุ๊ก " target="_blank" rel="noopener">“ไทยคู่ฟ้า” ได้เผยแพร่รายการ “Government Weekly EP.19” ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (กห.) เปิดทำเนียบรัฐบาล ต้อนรับ 2 นักกีฬาทีมชาติไทย “น้องกัน” นายกันตภณ หวังเจริญ นักแบดมินตันทีมชาติไทย และ “น้องน้ำตาล” น.ส.วิชาสิรี รัตนนัย นักฮอกกี้น้ำแข็งทีมชาติไทย โดยสัปดาห์นี้ นายกรัฐมนตรีได้เป็นผู้ดำเนินรายการเอง
ในช่วงแรก นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมและแสดงความยินดีกับนักกีฬาทั้ง 2 คน ได้แก่ น้องกัน กันตภณ ที่ได้รับรางวัลนักกีฬาสมัครเล่นชายดีเด่นและเป็นนักแบดมินตันชายเดี่ยวไทยคนแรกที่ได้รับเหรียญจากการแข่งขันแบดมินตันเยาวชนชิงแชมป์โลก พร้อมชื่นชมน้องน้ำตาล วิลาสินี ในฐานะเป็นนักกีฬาหญิงที่ต้องอาศัยความแข็งแกร่งในการเล่นกีฬา โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้ติดตามผลงานของทั้งคู่มาโดยตลอด จึงอยากแลกเปลี่ยนมุมมองทั้งเรื่องการใช้ชีวิตและการพัฒนาทักษะด้านกีฬา เพื่อให้คนไทยทุกคนโดยเฉพาะเยาวชนรุ่นใหม่มีแรงบันดาลใจและสามารถนำประสบการณ์ไปปรับใช้กับชีวิตของตนเองได้
จากนั้น น้องน้ำตาล เล่าว่าก่อนที่จะมาเป็นนักกีฬาทีมชาติ เมื่อก่อนก็เป็นเด็กบ้านๆ โดดหนังยาง จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นภายหลังพ่อได้เสียชีวิต จึงต้องออกมาดูแลตัวเองอยู่กับพี่สาว ตั้งใจทำงาน ตั้งใจเรียนและเก็บเงิน ก่อนมีโอกาสได้เล่นสเก็ต และติดทีมชาติไทยเล่นสปีดสเก็ต แต่มีช่วงหนึ่งที่ป่วยไทยรอยด์เป็นพิษ จึงหันมาเล่นฮอกกี้แทน และเรียนไปด้วย จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากให้ทั้งคู่เรียนไปด้วย ตั้งใจเรียนหนังสือ อย่าให้เสียการเรียน เพราะเป็นอนาคตของเรา ซึ่งตนก็เคยป่วยไทยรอยด์เป็นพิษ ขณะเป็นแม่ทัพด้วย แต่ตอนนี้หายดีแล้ว ตอนนั้นจำได้ว่ามีอาการอ่อนเพลีย และสูบผอม
เมื่อถามว่านายกฯ มีกีฬาอะไรชอบเป็นพิเศษหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ชอบกีฬาทุกอย่าง เพราะเป็นทหารมาก่อน ตั้งแต่เป็นนักเรียนเตรียมทหาร นักเรียนนายร้อย เขาก็ฝึกให้เรียนรู้กีฬาทุกประเภท สมัยเป็นเด็กก็ชอบฟุตบอล ชอบเล่นฟุตบอลกับเพื่อนสมัยมัธยม เมื่อโตขึ้นเคยเล่นรักบี้ด้วย เมื่อเป็นผู้บัญชาการก็เล่นตระกร้อกับลูกน้อง ก็เล่นกีฬาได้หลากหลาย วอลเลย์บอลก็เล่นได้ คือไม่เก่ง แต่เล่นได้ คือสิ่งที่เราได้ออกกำลังกาย และได้พบปะกับลูกน้อง ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา หรือผู้คนทั่วไป เป็นสิ่งที่ตนชอบ เมื่อถามว่านายกฯ ได้ติดตามผลงานของนักกีฬาทีมชาติไทยหรือไม่ ก็ติดตามมากขึ้น มากกว่าสมัยที่ผ่านมา เพราะเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องติดตามทุกเรื่อง และให้กำลังใจ หาแนวทางในการสนับสนุนแวดวงกีฬาไทย อย่างไรก็ตาม ขอชื่นชมผู้ที่ได้รับเหรียญ ซึ่งรัฐบาลมีรางวัลให้ ส่วนผู้ที่ไม่ได้เหรียญก็ให้กำลังใจ และพัฒนาตนเองต่อไป
“วันนี้แก่ขึ้น เราเล่นกีฬาได้ลำบาก เคยไปเล่นฟุตบอล ตระกร้อ แต่ใจยังถึงเหมือนเดิม ใจเหมือนเก่า เห็นลูกฟุตบอล อยากไปเตะ ใจถึงแต่ขาไม่ถึง มันก็ล้มอยู่บ่อยครั้ง อันนี้ก็ต้องรู้จักตัวเอง เพราะวันนี้อายุ 66 แล้ว วันนี้ก็มาเล่นกอล์ฟเป็นกีฬาผู้สูงอายุ ออกกำลังกายในบ้าน เดินช้าเดินเร็วบ้าง เดินบนเครื่อง เล่นกีฬากับลูกน้อง และเคยนำออกกำลังกาย แต่วันนี้เลิกไปแล้ว และพวกเขาต้องไปต่อยอดเอง” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่านายกฯ มีแนวทางพัฒนากีฬาอย่างไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หนึ่งคือหานักกีฬาที่มีความสามารถอย่างแท้จริง ได้แก่ นักกีฬาที่มีพรสวรรค์อยู่แล้วและค้นหานักกีฬาที่มีความสามารถอย่างแท้จริง สองพัฒนาวิทยาศาสตร์การกีฬา ต้องเริ่มพัฒนาตั้งแต่การรับประทานอาหารให้แข็งแรงและเจริญเติบโตเหมาะสมกับกีฬาชนิดต่างๆ เชื่อมโยงกับพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สติปัญญา และช่วยทำให้ประเทศชาติเดินหน้าได้ นอกจากนี้ ยังสั่งให้สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย ดูแลนักกีฬาให้ดีที่สุด สร้างความเชื่อมั่น ทั้งตัวกรรมการและบุคลากรในสมาคมฯ โปร่งใสและให้ความเป็นธรรม ซึ่งสิ่งเหล่านี้กำลังถูกแก้ไข ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังพยายามส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา เช่น วิ่งเทรล “วิ่งเพื่อแผ่นดิน” ซึ่งจัดไปแล้วที่จ.กาญจนบุรี ช่วยส่งเสริมรายได้ ทำให้คนรู้จักประวัติศาสตร์ชาติไทยมากขึ้น และจะสั่งจัดขึ้นทุกเดือนในทุกพื้นที่
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีได้เปิดโอกาสให้นักกีฬาทีมชาติไทยทั้งสอง เสนอความคิดเห็นในประเด็นอนาคตของแวดวงกีฬาไทย เพื่อนำไปสู่การแก้ไข พร้อมให้กำลังใจนักกีฬา โดยนายกฯ กล่าวว่า “วันนี้สัญญาว่าลุงจะไปด้วยเสมอ วันก่อนเขาก็มาลาไปแข่งซีเกม ก็บอกว่าทุกคนเอาชื่อเสียงเกียรติยศคนไทยไปด้วย เป็น 1 ตัวแทนของคน 68 ล้านคน เวลาไปไหนแข่งต้องคิดแบบนี้ ต้องมุ่งมั่น เอาชนะ ต้องสู้ถึงจะชนะ ถ้าแพ้ตั้งแต่ต้นจะทำอย่างไร เวลากำลังใจจะหมดขอให้นึกถึงลุงก็ได้ นึกถึงคนไทยทั้งประเทศที่รอความหวังอยู่ ลุงก็ติดตามทุกครั้ง ดูผ่านมือถือ โดยเฉพาะกีฬาที่เข้ารอบลึกๆ รอบชิงชนะเลิศ นอกจากนี้ เห็นว่ารัฐบาลจะต้องดูแลนักกีฬาที่มีอายุสูงขึ้นที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศ เพราะบางคนป่วย พิการ ก็สั่งให้ทบทวนทั้งหมด”