จาการ์ตาเร่งพัฒนารถอีวีลบภาพเมืองหลวง 'มลภาวะ'

จาการ์ตาเร่งพัฒนารถอีวีลบภาพเมืองหลวง 'มลภาวะ'

จาการ์ตาเร่งพัฒนารถอีวีลบภาพเมืองหลวง“มลภาวะ”ซึ่งการเคลื่อนไหวครั้งนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการลดต้นทุนและกระตุ้นให้ประชาชนหันมายอมรับรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น

กรุงจาการ์ตา เร่งพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าทั้งคันหวังแก้ปัญหาสภาพอากาศในเมืองหลวงย่ำแย่และลบภาพลักษณ์หนึ่งในเมืองหลวงในกลุ่มชาติสมาชิกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(อาเซียน)ที่มีมลภาวะสูงสุด

บรรดาบริษัทในอุตสาหกรรมคมนาคมขนส่งทั่วประเทศ โดยเฉพาะในกรุงจาการ์ตา พยายามพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าทั้งคัน (อีวี)ให้เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในอุตสาหกรรมยนตรกรรมของประเทศ ซึ่งถือเป็นเป้าหมายอันทะเยอทะยานของอินโดนีเซียที่ยังขาดแคลนด้านโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการพัฒนารถอีวีในปริมาณมาก

ความพยายามผลักดันในเรื่องนี้ของภาคเอกชนอินโดนีเซียถือว่ามาถูกที่ถูกเวลาเนื่องจากปัญหาสภาพแวดล้อม รวมทั้งปัญหาสภาพอากาศย่ำแย่กำลังเล่นงานกรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซียอย่างหนักจนเข้าขั้นวิกฤติ และรัฐบาลอินโดนีเซียประสบความล้มเหลวในการแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างสิ้นเชิง แม้ว่า อินโดนีเซียจะลงนามรับรองข้อตกลงสภาพอากาศเปลี่ยนในกรุงปารีสเมื่อปี 2558

157714754052

แกร๊บ บริษััทให้บริการเรียกรถรับจ้าง ซึ่งมีฐานดำเนินงานอยู่ในกรุงจาการ์ตา ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จะเพิ่มรถไฟฟ้าฮุนได 20 คันและสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าจีซิท 10 คันให้บริการในกรุงจาการ์ตา เริ่มตั้งแต่เดือนม.ค.ปีหน้า พร้อมทั้งตั้งเป้าเพิ่มจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 500 คันไว้คอยบริการลูกค้าภายในปลายปี 2563 โดยจีซิท เป็นผู้ผลิตสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าแห่งแรกของอินโดนีเซียที่รัฐบาลให้เงินสนับสนุน

ริดสกิ ครามาดิบราตา ประธานแกร๊บ อินโดนีเซีย มั่นใจว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการลดต้นทุนและกระตุ้นให้ประชาชนหันมายอมรับรถยนต์หรือพาหนะขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้ามากขึ้น และไม่ใช่เฉพาะแค่ในอินโดนีเซียเท่านั้น แต่มองว่าจะแพร่หลายไปทั่วภูมิภาคอาเซียนด้วย

แนวคิดริเริ่มครั้งนี้ของแกร๊บ เกิดขึ้นหลังจากมีการเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกันของบริษัทบลู เบิร์ด ผู้ให้บริการแท้กซี่รายใหญ่สุดของประเทศ โดยบลู เบิร์ด ประกาศเพิ่มรถยนต์ไฟฟ้า 30 คันเมื่อเดือนเม.ย.โดยแยกเป็นรถเทสลาจำนวน 5 คัน และอีก 25 คันเป็นรถจากค่ายบีวายดีของจีน ล่าสุด ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา บลู เบิร์ด สั่งซื้อรถแวนไฟฟ้าจากบีวายดีจำนวน 200 คัน

ทรานส์จาร์กาตา บริษัทให้บริการรถบัสในกรุงจาการ์ตา จะเริ่มทดลองวิ่งรถบัสไฟฟ้าจำนวน 20-50 คันภายในปีหน้า โดยปัจจจุบัน บริษัทมีรถต้นแบบไฟฟ้าจำนวนสองคันจากบริษัทบีวายดีแต่ยังไม่ได้นำออกทดลองวิ่งเนื่องจากกรมการขนส่งทางบกของอินโดนีเซีย ยังไม่อนุมัติให้บริษัานำรถสองคันออกใช้งาน นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะเปลี่ยนรถบัสทั้งหมดจำนวน 14,000 คันให้เป็นรถบัสขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าทั้งคันภายในปี 2573

157714756660

ที่ผ่านมา มีค่ายรถต่างชาติอย่างฮุนได มอเตอร์ ค่ายรถสัญชาติเกาหลีใต้ และโตโยต้า มอเตอร์ ค่ายรถญี่ปุ่น ให้คำมั่นว่าจะตั้งโรงงานผลิตในอินโดนีเซียเพื่อผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าทั้งคัน

การออกมาเคลื่อนไหวเพื่อให้มีรถยนต์ไฟฟ้าในเมืองหลวงมากขึ้นของกลุ่มบริษัทผลิตรถยนต์ และบริษัทที่ให้บริการด้านคมนาคม ขนส่งในอินโดนีเซีย เป็นสัญญาณที่ดีหลังจากกรุงจาการ์ตาบอบช้ำอย่างหนักจากปัญหามลภาวะและปัญหาการจราจรแออัด โดยเวิลด์อีโคโนมิค ฟอรัม ระบุว่า อินโดนีเซียเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์รายใหญ่สุดอันดับที่ 12 ของโลก

ส่วนบริษัทวิจัยด้านคุณภาพอากาศได้เผยแพร่ดัชนีคุณภาพอากาศ“แอร์ ควอลลิตี ไลฟ์ อินเด็กซ์ ” พบว่า สภาพอากาศย่ำแย่ในปัจจุบันในอินโดนีเซีย ทำให้อายุขัยโดยเฉลี่ยของประชากรในประเทศลดลง1.2 ปี ส่วนประชากรในกรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซียลดลง 2.3 ปี

อย่างไรก็ตาม การออกมาเคลื่อนไหวของภาคเอกชนในกลุ่มอุตสาหกรรมคมนาคม ขนส่งของอินโดนีเซียครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภาคเอกชนมองว่า รัฐบาลล้มเหลวในการแก้ปัญหาด้านมลภาวะในประเทศอย่างสิ้นเชิง ทั้งยังให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในประเทศน้อยมาก ยกตัวอย่างเช่น การประชุมว่าด้วยปัญหาสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปที่สหประชาชาติ(ยูเอ็น)จัดที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน รัฐบาลก็จัดส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงคือรองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลด้านสิ่งแวดล้อมและป่าไม้เข้าร่วมประชุม ขณะที่ประเทศอื่นๆหลายประเทศมีผู้นำประเทศเข้าร่วม

157714755392

รัฐบาลอินโดนีเซีย ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ประกาศว่าต้องการผลักดันให้อินโดนีเซียก้าวขึ้นมาเป็น“ฮับ”อีวีของภูมิภาค ด้วยความหวังว่าอยากจะเห็นรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานรูปแบบใหม่ และรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าทั้งคัน พร้อมทั้งตั้งเป้าให้รถยนต์ที่ใช้พลังงานสะอาดเหล่านี้มีสัดส่วน 20% ของส่วนแบ่งตลาดภายในปี 2568

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว รัฐบาลได้ออกมาตรการต่างๆที่เป็นแรงจูงใจ รวมถึง ลดภาษีนำเข้าและลดภาษีมูลค่าเพิ่ม(แวท)สำหรับรถยนตไฟฟ้า และด้วยแรงจูงใจเหล่านี้ ทำให้ทั้งแกร๊บและบลู เบิร์ด ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อใช้รถยนต์และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ากันอย่างจริงจัง แต่แรงจูงใจที่กล่าวมาจะมีผลบังคับใช้ในปี 2564