วิตกขัดแย้ง ‘สหรัฐ-อิหร่าน’ หนุนราคาน้ำมันพุ่ง
ราคาน้ำมันดิบทะยาน 3% ในวันศุกร์ (3 ม.ค.) หลังสหรัฐสังหารนายพลระดับสูงของอิหร่าน เพิ่มความกังวลว่าความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นระหว่างสหรัฐกับอิหร่าน อาจกระทบการผลิตน้ำมันในภูมิภาค
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือน ก.พ. 2563 ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ปิดที่บวก 1.87 ดอลลาร์หรือ 3% สู่ระดับ 63.05 ดอลลาร์/บาร์เรลในวันศุกร์ (3 ม.ค.) หลังจากในช่วงแรกของการซื้อขาย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสพุ่งแตะ 64.09 ดอลลาร์/บาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. ปีที่แล้ว
ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดที่เพิ่มขึ้น 2.42 ดอลลาร์ หรือ 3.6% แตะ 68.67 ดอลลาร์/บาร์เรลในวันเดียวกัน หลังจากเปิดซื้อขายช่วงแรก ราคาทะยานสูงถึง 69.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
นายแมทธิว เบย์ นักวิเคราะห์อาวุโสของสแตรทฟอร์ บริษัทข้อมูลทางภูมิศาสตร์การเมืองโลกในรัฐเทกซัส กล่าวว่า การที่สหรัฐโจมตีนายพลระดับสูงของอิหร่านมีแนวโน้มจะกระตุ้นให้เกิดการตอบโต้ครั้งรุนแรงจากรัฐบาลเตหะราน เช่นเดียวกับจากกลุ่มติดอาวุธในอิรักที่อิหร่านสนับสนุน
นายเบย์ เสริมว่า อิหร่านอาจจะเอาคืนด้วยการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันในอ่าวเปอร์เซียและที่อื่น ๆ ในตะวันออกกลาง
“เตหะรานอาจพิจารณาโจมตีโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย หากเกิดความตึงเครียดเพิ่มขึ้น และอิหร่านมีทั้งศักยภาพและความเต็มใจที่จะโจมตีจุดอันตรายที่สุด (เกี่ยวกับน้ำมัน) ในซาอุดีอาระเบียซึ่งอาจต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะฟื้นกลับมาใหม่”
ขณะเดียวกัน สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (อีไอเอ) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 11.46 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้วนับถึงวันที่ 27 ธ.ค. 2562 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 3.1 ล้านบาร์เรล