'เพื่อไทย' แย้มวาระสาม งดออกเสียง
“เพื่อไทย” แย้มวาระสาม งดออกเสียง หลังพบ "ร่างพ.ร.บ.งบฯปี 63" มีปัญหาขัดรธน.-กม.งบประมาณ “ส.ส.ฝ่ายค้าน” จวกงบกลางส่วนเงินฉุกเฉิน ส่อมีเลศนัย-ตั้งงบเกินจำเป็น ขอหั่นให้เหมาะสม
เมื่อวันที่ 8 ม.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการประชุมสภาฯ ซึ่งพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วงเงิน 3.2ล้านล้านบาทวาระสอง ซึ่งได้เริ่มประชุมตั้งแต่เวลา 10.04 น.-17.00 น. ยังถึงประเด็นการอภิปรายในมาตรา 5 ว่าด้วยงบกลาง วงเงิน 5.18 แสนล้านบาท ขณะที่การลงมติตั้งแต่มาตราแรก ถึงมาตรา 4 แม้เสียงของส.ส.ฝั่งรัฐบาลจะลงมติเห็นด้วยกับกมธ.ฯ เสียงข้างมาก แต่พบว่าการออกเสียงในส่วนของงดออกเสียง มีจำนวนที่มากเช่นกัน โดยจากการตรวจสอบผลการลงมติพบว่าส.ส.ที่ลงมติงดออกเสียง เป็นส.ส.ซีกฝ่ายค้าน อาทิ พรรคเพื่อไทย, พรรคอนาคตใหม่ เป็นต้น
ทั้งนี้ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล กมธ.วิสามัญ พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯ 63 ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนต่อเหตุผลที่พรรคเพื่อไทยงดออกเสียงแทนการลงมติไม่เห็นชอบ ว่า เป็นทิศทางที่พรรคเพื่อไทยเห็นว่า ควรงดออกเสียงเนื่องจากร่างพ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้มีปัญหาในประเด็นที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และพ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2561 ที่กำหนดให้จัดสรรงบประมาณเฉพาะหน่วยรับงบประมาณ ซึ่งในส่วนของกองทุนหมุนเวียนกำหนดชัดเจนว่า ต้องมีสถานะเป็นนิติบุคคล อย่างไรก็ตามเชื่อว่า ในวาระ3ที่จะต้องลงมติทั้งฉบับนั้น พรรคเพื่อไทย จะใช้สิทธิงดออกเสียง
"ในรายละเอียดกมธ.ฯ เคยท้วงติงให้แก้ไข แต่ไม่ทราบเหตุผลทำไมจึงไม่ได้รับการแก้ไข จึงถือว่ากมธ.เสียงข้างมากสร้างภาระให้ส.ส.ที่อาจถูกตรวจสอบโดยองค์กรอิสระได้ ผมยืนยันว่า มาตรา 53 ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 มีเนื้อหาขัดกฎหมายวิธีการงบประมาณ พ.ศ.2561 อาจจะมีปัญหาในการเบิกจ่ายงบประมาณ เนื่องจากกองทุนซึ่งไม่มีสถานะเป็นนิติบุคคลถูกแยกงบประมาณออกจากกระทรวงแล้ว ดังนั้นจึงไม่สามารถผ่านกระทรวงได้ตากกฎหมายวิธีพิจารณางบประมาณได้ และปัจจุบันพบว่า การจัดสรรงบให้กองทุนต่างๆได้ดำเนินการล่วงหน้าไปแล้ว" นายวรวัจน์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานรายงานด้วยว่าสำหรับการอภิปรายในมาตรา 5 ส่วนของงบกลางนั้น มีกมธ.ฯ เสียงข้างน้อยสงวนความเห็น รวม 25 คนและมีส.ส.สงวนคำแปรญัตติ รวม 100 คน ทั้งนี้กมธ.เสียงข้างน้อย และส.ส.ที่สงวนคำแปรญัตติอภิปรายให้ปรับลดงบประมาณส่วนค่าใช้จ่ายรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 9.6 หมื่นล้านบาท เนื่องจากตั้งงบประมาณไว้มากเกินความจำเป็น และเกินศักยภาพในการเบิกจ่ายงบประมาณ รวมถึงระยะเวลาที่จะใช้งบประมาณ ปี 2563 เหลือเพียง 6 เดือนเท่านั้น
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ตนขอปรับลดงบประมาณงบกลาง เพื่อจ่ายรายการเงินสำรองจ่ายพื่อกรณีฉุกเฉิน 9.6 หมื่นล้านบาท ให้เหลือ 6.4 หมื่นล้านบาท เนื่องจากตนมองว่าวงเงินที่ตั้งไว้ดังกล่าวมีเลศนัย เพราะพิจารณาพฤติกรรมจากการใช้งบประมาณ ปี 2562 ที่ผ่านมา นำไปใช้เพื่อโครงการชิม ชอป ใช้ ของรัฐบาล เฟส1 และเฟส2 หรือ มีกระแสข่าวจากหนังสือพิมพ์ของไทยว่ารัฐบาลจะใช้งบกลางกว่า 4 พันล้านบาท เพื่อผลิตหมอนยางพาราง อย่างไรก็ตามการใช้งบประมาณในโครงการต่างๆ ควรวิเคราะห์และตรวจสอบประสิทธิภาพของการใช้งบประมาณและสิ่งที่ประชาชนควรจะได้รับประโยชน์