"นายกรัฐมนตรี" โว ปี57-62 ภัยแล้งลด ยอมรับ ปี 63 ถือว่าหนัก ยันน้ำกิน-น้ำใช้ ต้องมี พร้อมดูแลเกษตรกรช่วงไม่มีรายได้ แจงไม่เคยสั่งห้ามทำนา
เมื่อวันที่ 17 ม.ค.63 เวลา 15.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ออกรายการ Government Weekly ช่วง PM Talk ทางเพจไทยคู่ฟ้า โดยนายกฯ ได้พูดคุยกับเกษตรกรจากจ.ชัยนาท จ.สุพรรณบุรี และเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เพื่อรับฟังปัญหาการประกอบอาชีพและการบริหารจัดการน้ำในช่วงที่เกิดภัยแล้ง โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนมีความยินดีที่ทุกคนมาพร้อมกันที่นี่ ทำเนียบรัฐบาลเป็นของทุกคน เป็นของคนไทยๆ ไม่ใช่ของตน อีกทั้งเป็นศูนย์กลางบริหารราชการแผ่นดินและเป็นที่ทำงานของนายกฯ อย่างไรก็ตาม ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งติดพันกับประเทศไทยมาโดยตลอด เนื่องจากอากาศเปลี่ยนแปลง คนเยอะขึ้น และฝนตกบ้างไม่ตกบ้าง แต่ยืนยันรัฐบาลจริงจังกับแก้ปัญหา ซึ่งจะทำคนเดียวไม่ได้ทุกคนต้องช่วยกัน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามปัญหาภัยแล้งเกิดขึ้นทุกปี แต่ตั้งแต่รัฐบาลเข้ามาปี 57-62 ภาพรวมจากข้อเท็จจริง ภัยแล้งถือว่าลดลง โดยในปี 61 ไม่มีประกาศพื้นที่ภัยแล้ง แต่ในปี 63 สถานการณ์หนักเนื่องจากน้ำต้นทุนน้อยลงไม่สามารถกักเก็บน้ำได้ รวมทั้งมีความเสี่ยงน้ำอุปโภคบริโภค น้ำทำการเกษตร น้ำในภาคอุตสาหกรรม และน้ำเค็มรุก ซึ่งอย่างน้อยต้องมีน้ำอุปโภคบริโภคใช้ และดูแลอย่างไรในช่วงที่เกษตรกรไม่มีรายได้ ยืนยันไม่ใช่รัฐบาลห้ามปลูกพืชโน้นนี่ เพราะมีคนบิดเบือนว่านายกฯ ห้ามทำนา ตนจะห้ามได้อย่างไร แต่เป็นเพราะลม ฟ้า อากาศ และเข้าใจดีว่าชาวนาเป็นกระดูกสันหลังของชาติ จึงไม่ต้องการให้กระดูกสันหลังโค้งงอเพราะจะเสียหายอีก ขณะเดียวกันทุกคนต้องปรับตัวไม่เช่นนั้นรัฐบาลก็ไม่สามารถทำอะไรให้ทุกคนพอใจได้หมด นอกจากนี้ที่ผ่านมาการสร้างแก้มลิงก็กระทบพื้นที่ราษฎร จึงต้องระบายน้ำออกไปหมด นั่นคือปัญหา โดยการแก้ไขต้องทำแบบยั่งยืนและมีแผนเป็นระยะ และเชื่อว่ามันต้องทำได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งเกษตรกรจากจ.ชัยนาท ได้บอกกับนายกฯ ว่า ในช่วงที่ไม่สามารถปลูกข้าว ไม่มีรายได้ก็ปลูกผักและเลี้ยงสัตว์แทน อีกทั้งอยากให้ภาครัฐจ้างแรงงานเกษตรกรลอกคูคลองช่วยให้มีรายได้ช่วง 3-4 เดือนนี้ นอกจากนั้นยังนำเสนอรูปแบบแก้ปัญหาข้าวล้นตลาด ซึ่งได้ลงมือปฏิบัติที่จ.ชัยนาทแล้วคือ ข้าวที่ปลูกในจ.ชัยนาทก็บริโภคในจังหวัดด้วยคนชัยนาท ซึ่งนายกฯ กล่าวชื่นชมว่า ดี ผลิตตามความต้องการของคนในพื้นที่ ไม่ล้นออกมาข้างนอก ซึ่งตรงนี้เป็นผลสืบเนื่องจากนโยบายเกษตรแปลงใหญ่ของรัฐบาล
ทั้งนี้นายกฯ ได้ถามเกษตรกรด้วยว่า "รัฐบาลไหนให้เครื่องจักรไปทำเกษตรแปลงใหญ่ ผมนี่แหละเป็นคนสั่งให้เครื่องจักร และให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาให้เพิ่มเติมอีก อดทนกับผมหน่อย ผมพยายามทำ ทำเพื่ออนาคต นี่คือแผนที่ยั่งยืน"
นายกฯ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้น้ำทั้งหมดมาจากฝน จึงอยู่ที่การกักเก็บจะทำได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งที่ผ่านมาทำไม่ได้เพราะติดประชาชน ทั้งที่มีการศึกษาได้เตรียมความพร้อมทั้งหมดแล้ว โดยทุกอย่างไม่มีอะไรได้หรือเสียไปทั้งหมด อยู่ที่ความคุ้มค่า จึงอยู่ที่ประชาชนและเอ็นจีโอ ทุกฝ่ายก็ต้องร่วมมือกันจะรักษาป่าได้มากแค่ไหนหรือจะปลูกเพิ่มอย่างไร วันนี้ตนเห็นหน้าเกษตรกรก็เห็นใจ แต่ก็ยังมีรอยยิ้ม ยืนยันรัฐบาลไม่ทิ้งประชาชนโดยเฉพาะเกษตรกร และกำลังพิจารณาว่าทำอย่างไรให้มีสินทรัพย์ เช่น วัวหรือควาย ที่ขายเมื่อไหร่ก็มีเงิน อย่างไรก็ตามขอให้เห็นใจพี่น้องเกษตรกรของไทย เราต้องมีกระดูกสันหลังที่แข็งแรงและไม่ยากจนในวันหน้า