เปิดสัมพันธ์ขม 'เมแกน' กับ 'สื่อ'
ตอนที่เจ้าชายแฮร์รีแห่งอังกฤษและเมแกน พระชายาหรือดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกส์ ทรงตัดสินใจลดบทบาทเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง เพื่อให้มีอิสระทางการเงินและการใช้ชีวิตมากขึ้น ทั้งสองทรงยืนยันว่าจะไม่ร่วมในระบบศูนย์ข่าวพระราชสำนัก (Royal Rota) ที่ใช้กันมาเนิ่นนาน
รายละเอียดดังกล่าวปรากฏอยู่บนเว็บไซต์ Sussexroyal.com
“ในฤดูใบไม้ผลิ ปี 2563 ดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกส์จะใช้แนวทางการปฏิบัติกับสื่อรูปแบบใหม่ เพื่อให้แน่ใจว่าสื่อเข้าถึงงานของทั้งคู่ได้อย่างหลากหลายและเปิดกว้าง การปรับเปลี่ยนนี้จะค่อยเป็นค่อยไปในช่วงที่ทั้งสองกำลังปรับตัวให้เข้าสู่บทบาทใหม่”
นั่นหมายถึงการเปิดให้องค์กรสื่อระดับรากหญ้า นักข่าวหน้าใหม่ไฟแรง ได้มีโอกาสทำงานร่วมกับองค์กรสื่อผู้เชี่ยวชาญและเชื่อถือได้ในเหตุการณ์สำคัญ โดยไม่ร่วมในระบบศูนย์ข่าวพระราชสำนักอีกต่อไป แต่จะแชร์ข่าวและประกาศผ่านอินสตาแกรมแอคเคาท์ “ซัสเซกส์รอยัล”
เว็บไซต์ Sussexroyal.com อธิบายด้วยว่า ศูนย์ข่าวพระราชสำนัก เป็นระบบสื่อทางการที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 40 กว่าปีก่อน เปิดให้สื่อสิ่งพิมพ์และโทรทัศน์อังกฤษเข้าถึงพระราชกรณียกิจของพระบรมวงศานุวงศ์
ศูนย์ที่รู้จักกันในชื่อ “เดอะพูล” เปิดให้สื่ออังกฤษทำข่าวเหตุการณ์สำคัญแบบเอ็กซ์คลูซีฟ เช่น พิธีอภิเษกสมรส การประกาศข่าวประสูติกาลของโอรสน้อย “อาร์ชี” และเป็นที่เข้าใจตรงกันว่าสื่อในกลุ่มเดอะพูลสามารถแบ่งปันเนื้อหาข่าวที่ได้มากับสื่อรายอื่นที่ร้องขอมา ทั้งนี้ เนื่องจากข้อจำกัดที่ไม่สามารถเปิดให้สื่อทุกรายเข้าทำข่าวได้ด้วยเหตุผลด้านสถานที่และความปลอดภัย จึงต้องใช้ระบบศูนย์ข่าวราชสำนักเพื่อกระจายข่าวอย่างทั่วถึง
นอกจากนี้พระบรมวงศานุวงศ์พระองค์ใดต้องการเผยแพร่ภาพที่ไม่เคยนำเสนอมาก่อน ก็ทำได้ผ่านศูนย์ข่าว (ในจำนวนนี้มีหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์อังกฤษ 4 จาก 7 ฉบับ) ไม่ว่าจะเป็นการเผยแพร่พร้อมกันหรือเผยแพร่ก่อนก็ได้
“สูตรนี้ทำให้สื่อที่ได้รับการเลือกสรรแล้วทำกำไรจากการนำภาพไปรายงานบนเว็บไซต์หรือหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่ง ผู้ใดฝ่าฝืนจะได้รับผลกระทบในระยะยาว” เว็บไซต์ระบุ
ตัวแทนสื่ออังกฤษที่อยู่ในศูนย์ข่าวพระราชสำนักประกอบด้วย เดอะเดลีเอกซ์เพรส เดอะเดลีเมล์ เดอะเดลีมิร์เรอร์ ดิอีฟนิงสแตนดาร์ด เดอะเทเลกราฟ เดอะไทม์ส และเดอซัน สื่อเหล่านี้จึงกลายเป็นแหล่งข่าวสำคัญที่องค์กรสื่อทั่วโลกต้องรับข่าวในพระราชสำนักของราชวงศ์อังกฤษ
การที่ดยุคและดัชเชสต้องออกจากระบบนี้ก็เพราะ ศูนย์ข่าวพระราชสำนักมีมานานมากแล้วก่อนยุคดิจิทัลและก่อนจะมีโซเชียลมีเดีย ตอนนั้นข่าวต้องมาจากหนังสือพิมพ์และสถานีโทรทัศน์ แต่ตอนนี้ผู้คนบริโภคข่าวสารผ่านสื่อดิจิทัล แม้แต่ข่าวเจ้าชายแฮร์รีและพระชายาต้องการลดบทบาทสมาชิกราชวงศ์ชั้นสูงก็ประกาศผ่านโซเชียลมีเดีย สำนักข่าวทั่วโลกนำไปรายงานต่อได้เลย ไม่ต้องแถลงผ่านศูนย์ข่าวพระราชสำนัก
และเนื่องจากทั่วโลกไว้วางใจว่าผู้สื่อข่าวประจำพระราชสำนักของอังกฤษเป็นแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ ในการรายงานข่าวเกี่ยวกับราชวงศ์ จึงทึกทักไปผิดๆ ว่า แม้แต่ชีวิตส่วนพระองค์ผู้สื่อข่าวเหล่านี้ก็รายงานถูกต้องด้วย
“ความเข้าใจผิดนี้ทำให้สำนักข่าวทั่วโลกนำไปรายงานต่อ ยิ่งโหมกระพือข่าวผิด น่าเสียใจในกรณีที่นักข่าวอาจเขียนข่าวมาดีแล้ว แต่บ่อยครั้งต้องถูกกองบรรณาธิการปรับแก้หรือรีไรท์เพื่อนำเสนอความประทับใจผิดๆ ด้วย” เว็บไซต์ระบุ
ด้วยเหตุนี้เจ้าชายแฮร์รีและพระชายาจึงต้องการทำงานโดยตรงกับองค์กรสื่อที่พระองค์ทรงเลือกเอง เพื่อควบคุมการรายงานข่าวผิดพลาดได้มากขึ้น ตอนนี้ทั้งคู่ทรงประสานงานโดยตรงกับสื่ออื่นแล้ว เช่น เนชันแนลจีโอกราฟฟิกและไทม์แมกกาซีน
เมื่อไม่อยู่ในระบบศูนย์ข่าวพระราชสำนัก เจ้าชายและพระชายาก็ทรงมีเสรีภาพในการจัดตารางสื่อของพระองค์ได้มากขึ้น ที่เป็นเช่นนี้ก็เพื่อให้สอดรับการเปลี่ยนแปลงบทบาทใหม่ในฐานะเชื้อพระวงศ์ผู้มีอิสระทางการเงิน ต้องการปรับเปลี่ยนและเปิดกว้างให้สาธารณชนเข้าถึงผลงาน
การตัดสินใจดังกล่าวชี้ชัดถึงความขัดแย้งกับศูนย์ข่าวพระราชสำนัก ปีที่แล้วดยุคและดัชเชสทรงฟ้องร้องเจ้าของหนังสือพิมพ์เดอะซัน เดอะมิร์เรอร์ และเดอะเมลออนซันเดย์ ทั้งสามสื่อเกี่ยวข้องกับศูนย์ข่าวพระราชสำนัก แม้เว็บไซต์ Sussexroyal.com ไม่ได้เผยรายละเอียดคดีความ แต่เว็บไซต์ harpersbazaar.com ฟันธง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าปัจจัยใหญ่ที่ทำให้คู่ต้องเปลี่ยนแปลงนโยบายสื่อคืออะไร
ความบาดหมางระหว่างเจ้าชายแฮร์รี-เมแกนกับสื่อเปิดฉากขึ้นตั้งแต่ปีก่อน ดัชเชสเมแกนทรงส่งทนายฟ้องเดอะเมล์ออนซันเดย์ หรือ เดลีเมล์ ฉบับวันอาทิตย์ ตีพิมพ์จดหมายส่วนพระองค์ของดัชเชสที่เขียนถึงบิดา ต่อมาเจ้าชายแฮร์รี ทรงฟ้องร้องดำเนินคดีกับเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ 2 ฉบับ ได้แก่ เดอะ ซัน และ เดลี มิร์เรอร์ ในข้อหาดักฟังข้อความทางโทรศัพท์ของพระองค์ ถือเป็นการต่อกรกับสื่อแท็บลอยด์หลังดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกส์ถูกสื่อวิจารณ์ว่า ใช้เงินภาษีตกแต่งพระตำหนัก และเดินทางโดยเครื่องบินเจ็ตส่วนพระองค์ไปทรงงานด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งดูแล้วย้อนแย้งกันสุดๆ
เมื่อคิดจะมีเรื่องกับสื่อแบบที่ราชวงศ์อังกฤษไม่เคยทำ ดยุคและดัชเชสก็ต้องเจอการโต้ตอบของสื่อตามมา เดอะ เมล์ ออน ซันเดย์ยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ดัชเชสเมแกนมีตำแหน่งเป็นสมาชิกราชวงศ์ สื่อจึงต้องรายงานได้
“เรื่องราวในราชวงศ์ กิจกรรม แนวทางการปฏิบติและมาตรฐานพฤติกรรมของสมาชิกราชวงศ์ เป็นผลประโยชน์สาธารณะอันยิ่งใหญ่และชอบธรรม กินความออกไปไม่ใช่แค่ความประพฤติของราชวงศ์ต่อหน้าสาธารณะเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวและภายในครอบครัวด้วย เพราะทั้งหมดนี้เป็นสาระสำคัญในการทำหน้าที่อันเหมาะสมของสถาบันกษัตริย์” เอกสารจากจำเลยที่ยื่นให้ศาลสูงกรุงลอนดอนเมื่อไม่กี่วันก่อนระบุชัด และเผยด้วยว่า เดอะ เมล์ ออน ซันเดย์ จะใช้หลักฐานที่ได้จากโทมัส มาร์เคิล บิดาของดัชเชสมาต่อสู้ในศาล
“โทมัส มาร์เคิล มีสิทธิอย่างเต็มเปี่ยมที่จะบอกเล่าเรื่องราวของเขา ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างตนกับลูกสาว รวมถึงเนื้อหาในจดหมาย” สื่อคู่กรณีดัชเชสยืนยัน
เมื่อวันพิจารณาคดีมาถึงเป็นไปได้ว่าศาลอาจเรียกดัชเชสเมแกนและบิดามาให้การ ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องสนุกนักสำหรับสองพ่อลูกที่มีเรื่องบาดหมางเป็นข่าวไปทั่วโลก ต้องมาให้ข้อมูลหักล้างคำให้การของอีกฝ่าย แต่เมื่อดัชเชสและเจ้าชายแฮร์รีตัดสินใจฟ้องศาลแล้วคงต้องดำเนินไปตามกระบวนการยุติธรรม เมื่อฝ่ายโจทก์อ้างว่าถูกละเมิดความเป็นส่วนตัว ฝ่ายจำเลยโต้ว่าทำไปเพื่อปกป้องผลประโยชน์สาธารณะ ศาลพิจารณาคดีอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมต่อทุกฝ่าย คนที่ได้ประโยชน์แท้จริงย่อมหนีไม่พ้นประชาชนผู้เสียภาษี