นายกฯ ย้ำศาสนาใดก็คนไทยทั้งสิ้น แบ่งแยกไม่ได้
"ประยุทธ์" แจงไม่ทุ่มก้อนใหญ่ลงภาคใต้ หวั่นบางคนได้บางคนไม่ได้ ลั่นศาสนาใดก็คนไทยทั้งสิ้น แบ่งแยกไม่ได้ ย้ำต้องร่วมแก้ปัญหาเราเอง อย่าเอาต่างชาติมาช่วย เปรยพร้อมดูแลพรรคร่วม-พรรคอื่น หากร่วมมือในทางที่เป็นไปได้
เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ เดินทางถึงอาคารรื่นอรุณ เทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่อติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาจังหวัดนราธิวาส และพบปะประชาชน 2,000 คน โดยนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวทักทายประชาชนทั้งภาษาไทยและภาษามลายู “อัสสลามุอะลัยกุม” ก่อนกล่าวว่า เราอยู่ด้วยกันในสังคมแบบพหุวัฒนธรรม การลงพื้นที่ครั้งนี้มาเยี่ยมเยือน โดยมีการแบ่งงานทีมรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี กระจายลงร่วมลงพื้นที่ด้วยและจะมารวมกันในการประชุมคณะรัฐมนตรี ที่จ.นราธิวาส ที่ผ่านมาการแก้ไขปัญหามีทั้งเหนื่อยและหนักใจพอสมควร แต่ก็เป็นความเดือดร้อนของคนทั้งประเทศ และความเดือดร้อนก็ไม่ใช่เฉพาะจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง มีทั้งปัญหาเดิม และปัญหาใหม่ที่เข้ามาแทรก ส่งผลให้เกิดผลกระทบทั่วไป
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้แนะนำคณะรัฐมนตรี รวมถึงโฆษกประจำสักนักนายกรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลก็ทันสมัยขึ้น มีสัดส่วนผู้หญิงมากขึ้น จากนั้นก็แนะนำ นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี ในฐานะประธาน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ร่วมเดินทางมาให้การต้อนรับด้วย โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ไม่รู้จะมีนายกฯ ส.ส. หรือเปล่า”
นอกจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการจัดทำงบประมาณในพื้นที่ภาคใต้ว่า ได้แบ่งสองส่วน โดยส่วนแรกเรื่องความมั่นคง เป็นเบี้ยเลี้ยง เงินเดือน และค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ และการพัฒนาพื้นที่ ซึ่งใช้งบประมาณมากพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ หรือโครงการต่างๆ จะต้องมีการปรับการทำงานให้สอดคล้องกับความต้องการในพื้นที่ในทุกกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา การเกษตร หรือภาคอุตสาหกรรม ต้องให้ตรงตามเป้าหมาย เหมือนกับช่างตัดเสื้อ จะต้องตัดให้ตรงคนเป็นกลุ่ม งบประมาณจะต้องกระจายลงไปในพื้นที่ หลายคนอาจมองว่าทำไมไม่ให้เป็นก้อนใหญ่ๆ ตนเห็นว่าต้องให้แบบนั้น เพราะไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถบริหารได้ ก็ทำให้บางคนได้ แต่บางคนไม่ได้ประโยชน์จากโครงการ จึงได้จัดงบประมาณให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนร่วม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พวกท่านเหมือนครอบครัวของตนที่ใหญ่มากมี 70 ล้านคน วันนี้ถือว่าทุกคนเป็นครอบครัวของตน ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด เชื้อชาติใด ล้วนเป็นคนไทยทั้งสิ้น จำไว้ ที่นี้คือแผ่นดินไทย จะแบ่งแยกไม่ได้ เราต้องร่วมมือกันแก้ปัญหาของพวกเราเอง อย่าให้ใครมาแก้ให้พวกเรา ไปเอาต่างประเทศมาช่วยแก้ เพราะที่นี่คือบ้านเมืองของเรา แล้วยิ่งปัญหาที่มีความกระทบกระทั่ง คนขัดแย้งไม่เข้าใจกัน ก็ต้องพยายามทำให้เขาเข้าใจมากขึ้น เรามียุทธศาสตร์เยอะแยะ
ระหว่างนี้ นายกรัฐมนตรีเห็นประชาชนนำพัดไทยคู่ฟ้า ขึ้นมาพัด จึงทักว่า “ร้อนหรอ” นายกรัฐมนตรีไม่ร้อนเลย เย็นเฉียบ แต่ข้างในระอุ เพราะใส่เสื้อมาสองชั้น แต่ก็ยังดีที่ฝนตกทำให้ชื่นใจ มีคนทักว่ามีฝนรอรับ ซึ่งฝนตกไม่ได้ตกมารับตนหรอก ไม่ต้องมาพูดเอาใจ ก็พูดกันไป มันตกทุกวันอยู่แล้ว และวันนี้ตนมาติดตามความก้าวหน้างานในภาครัฐ และที่ผ่านมา แม้ตนไม่มา ก็มีการเชิญผู้ว่าฯ และตัวแทนทุกกลุ่มมาพูดคุยในพื้นที่ วันนี้ทุกคนก็ยินดีที่ตนมา ก็ต้องขอบคุณ เราจะมาช่วยกันระดมความคิด หากเราได้อยู่ต่อ เราก็จะทำให้ต่อเนื่องไป เพราะนี่คือความยั่งยืน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จากนี้ไปจะต้องมีการกวดขันกระบวนการกดราคายาง ปาล์ม ทุกอย่างจะต้องโปร่งใส ถึงเวลาแล้วที่จะต้องมาช่วยกันขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความมั่นคง มั่นคั่ง ยั่งยืน ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รับสั่งในเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง หมายถึงต้องดูแลผู้มีรายได้น้อย วันนี้รัฐบาลได้จัดทำบัตรสวัสดิการต่างๆ เติมเงินให้คนสูงวัย อสม. โดยแต่ละปัญหามีคนรับผิดชอบทั้งสิ้น ทั้งที่ปัญหาเกิดจากพวกเรา แต่ตนไม่ได้โทษใคร เพราะโทษใครไม่ได้ แม้แต่ปัญหาการเผาหญ้า และทำให้เกิดมลพิษ ตนก็ไปลงโทษอะไรไม่ได้ วันนี้มีความเห็นสองฝ่าย อย่างไรก็ตาม วันนี้ถ้าไม่ทำทุกอย่างให้พร้อมกัน ประเทศนี้ถือว่าตกอยู่ในความประมาท ความขัดแย้งหลายพื้นที่ในโลกก็มี อย่างโรคระบาดก็มีมาใหม่ตลอด เพราะคนพัฒนา เชื้อโรคก็พัฒนา ดังนั้น จึงไม่อยากให้การทำงาน แบ่งแยกกระทรวง จะต้องทำงานให้เสริมกันได้
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ถามประชาชนว่า “ใครรักผม ให้ยกมือขึ้น” ซึ่งประชาชนที่มาส่วนใหญ่ก็ยกมือขึ้น นายกรัฐมนตรี จึงกล่าวว่า ตกลงเข้าใจตรงกัน แต่เดี๋ยวก็จะหาว่าสร้างอีก ตนเป็นทหาร บางทีพูดเพราะบ้าง ไม่เพราะบ้าง แต่ใจผมมีความจริงใจ ตอนนี้หลายคนสนใจเรื่องความสวยงามเยอะ แต่สวยงามแล้วต้องมีสติปัญญา มีสมองด้วย ถามอะไรต้องตอบได้ เวลาไปสมัครงานจะยิ้มอย่างเดียวคงไม่ได้ คนไม่สวยมักมีสมอง คนสวยคนใหญ่มักไม่มีสมอง และที่นั่งกันอยู่ตรงนี้ทุกคนสวยและมีสมอง และขอให้เข้าใจว่าที่ตนพูดไปนั้น ไม่ได้ว่าใคร เดี๋ยวจะหาว่าไปละเมิดสิทธิคนอื่นเข้าอีกที่พูดเพราะอยากกระตุ้นตัวเอง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในส่วนของสถานการณ์ในพื้นที่นั้นตอนนี้ลดลง แต่การจะสร้างพื้นที่ให้ปลอดภัย อุปสรรคคือเรื่องของการก่อเหตุ ถ้าไม่เกิดเลย ตนจะพอใจ แต่ก็ยังมีเกิดอยู่เรื่อยๆ ก็ไม่พอใจ เพราะไม่อยากให้ใครเจ็บ ใครตายทั้งนั้น วันนี้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม อำนวยความสะดวกเรื่องการใช้โทรศัพท์ให้ดีขึ้น แต่ขอให้ประชาชนเปิดโทรศัพท์ในเรื่องที่เป็นสาระ ตนไม่ได้ต่อว่าใคร เดี๋ยวจะหาว่าตนไปว่าใครอีก ตนไม่เคยดูถูกใคร บางทีตนก็พูดเพื่อให้เข้าใจบ้าง แต่กลับโดนหาว่า ตนไปดูถูกคน ตนจะไปดูถูกประชาชนได้อย่างไร เพราะประชาชนเป็นเจ้านายตนทั้งนั้น
“รัฐบาลไม่ได้ทอดทิ้ง ส.ส.ในพื้นที่ที่ประชาชนเลือกมา ต้องทำงานให้คุ้มกับที่ประชาชนเลือกและประชาชนก็อย่าทอดทิ้งเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคร่วมรัฐบาล พรรคอื่นก็เป็นเรื่องของเขา แต่ผมก็พร้อมที่จะดูแล หากเขามาร่วมมือในช่องทางที่เป็นไปได้ ผมก็จะทำให้หมด ผมรังเกียจเขาไม่ได้ เพราะประชาชนอยู่กับเขา ประชาชนเป็นคนเลือกมา ไม่ว่าจะพรรคไหนก็ตาม แต่ผมก็ต้องดูแลพรรคร่วมรัฐบาล ให้ทำงานไปกับเราในตอนนี้ พรรคอื่นเองก็ต้องเคารพเสียงประชาชน เพราะประชาธิปไตยเป็นอย่างนี้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินลงจากเวทีมาทักทายนักเรียน นักศึกษา ประชาชน อย่างเป็นกันเอง พร้อมถ่ายรูปเซลฟี่และทำสัญลักษณ์มินิฮาร์ท ก่อนเยี่ยมชมนิทรรศการภายในงาน โดยได้เยี่ยมชมคลินิกกัญชาทางการแพทย์จังหวัดนราธิวาส ดูการค้าขายออนไลน์ ผลิตภัณฑ์จากวิทยาลัยการอาชีพสุไหงโก-ลก และผลิตภัณฑ์โอทอปจังหวัดนราธิวาสพร้อมชิมน้ำผึ้งชันโรง ซึ่งมีสรรพคุณช่วยเรื่องเบาหวาน ความดัน โรคเก๊า และเพิ่มสมรรถภาพ นอกจากนี้นายกฯยังได้อุดหนุนกระเป๋ากระจูดผสมหนัง ราคา 2,500 บาท และผ้าทอลายพิกุลพลอย จังหวัดนราธิวาส ราคา 1,280 บาท ก่อนแวะทักทายถ่ายรูปกับประชาชน โดยชาวบ้านให้กำลังใจขอให้นายกรัฐมนตรีสุขภาพแข็งแรง