ออกแล้ว ผลตรวจเชื้อนทท.จีนต้องสงสัยติดไวรัสโคโรนาพันธุ์ใหม่2019
สธ.เผยไทยพบผู้ป่วยยืนยันสะสมติดไวรัสโคโรนาพันธุ์ใหม่2019 จำนวน 4 ราย หายดี-กลับจีนแล้ว 2 ราย อีก 2 รายยังอยู่รพ. เฝ้าระวังอีก 10 ราย ยกระดับศูนย์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุข สั่งสสจ.-รพ.ทั่วประเทศพร้อมรับมือ นทท.จีนที่เชียงใหม่เป็นแค่ไข้หวัดใหญ่
วานนี้(22 ม.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) พร้อมด้วย นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดสธ.ประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ กรณี “โรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019” กับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด(นพ.สสจ.)และผู้อำนวยการโรงพยาบาลทั่วประเทศ
นายอนุทิน กล่าวว่า สธ.สามารถควบคุมปัญหาได้ดี ปัจจุบันพบผู้ติดเชื้อยืนยันทางห้องปฏิบัติการหรือห้องแล็ป 4 ราย เป็นชาวจีน 3 ราย หายดีและกลับประเทศแล้ว 2 รายเป็นหญิง อายุ 61 ปี และ 74 ปี อีกคนเป็นชาย อายุ 65 ปี อาการดีขึ้นแต่ยังรักษาอยู่ในห้องปลอดเชื้อความดันเป็นลบสถาบันบำราศนราดูร จนกว่าจะมั่นใจว่าปลอดเชื้อจึงจะอนุญาตให้กลับประเทศ และหญิงชาวไทย 1 ราย อายุ 73 ปีรักษาตัวอยู่ที่รพ.นครปฐม ทั้งหมดเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงคือเมืองอู่ฮั่น และไม่ใช่การติดเชื้อจากคนสู่คน ซึ่งผู้ป่วยที่นครปฐม อาการดีขึ้นเรื่อยๆ หากหายเป็นปกติ จะเทียบผลการตรวจเชื้อจากแล็ปรพ.จุฬาลงกรณ์ และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ หากไม่พบเชื้อเช่นเดียวกัน จึงจะให้กลับบ้าน ส่วนกรณีนักท่องเที่ยวจีนซึ่งเข้าข่ายผู้ต้องสงสัยติดเชื้อนี้นั้น ผลตรวจจากห้องแล็ปพบว่าเป็นไข้หวัดใหญ่
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรฐานการควบคุมโรค เป็นไปตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก ซึ่งได้หารือกับผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกอย่างต่อเนื่อง และชื่นชมทางการไทยจัดการปัญหาได้ดี จากนี้จะมีการประชุมร่วมกันระหว่างผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของประเทศที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประเทศไทยได้รับยกย่องให้เป็นประเทศต้นแบบในเรื่องของการให้ข้อมูลข่าวสารกับประชาชน เพราะเปิดเผยข้อมูล เพื่อให้ประชาชนรู้และเข้าใจสถานการณ์ ให้รู้จักป้องกันตนเอง และไม่ตื่นตระหนกและนายกรัฐมนตรีได้กำชับเรื่องการเปิดเผยข้อมูลจริงให้กับประชาชนอย่างมาก"นายอนุทินกล่าว
“การตรวจญาติและผู้ร่วมเดินทางของผู้ป่วยที่ติดเชื้อทั้ง 4 ราย ไม่พบว่ามีใครติดเชื้อจากผู้ป่วย ดังนั้นยังถือเป็นข่าวดีว่าเป็นสิ่งที่เรายังควบคุมได้ ตามมาตรฐานสากลทุกอย่าง และพยายามปรับตัวรับกับโรคติดต่อไป โดยการรักษาผู้ป่วยทั้ง 4 ราย ไทยให้การรักษาฟรี แม้จะเสียเงินมากแต่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดในวงกว้าง สถานการณ์ในไทยขณะนี้ยังคุมได้ โดยสามารถนำตัวผู้ป่วยที่ต้องสงสัยเข้ารับการรักษาในรพ. และผู้ป่วยที่ยืนยันติดเชื้อนั้น ก็รักษาหายและอาการดีขึ้นทุกราย“นายอนุทินกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าจำเป็นต้องเฝ้าระวังนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางจากเมืองอื่นนอกจากอู่ฮั่นด้วยหรือไม่ โดยเฉพาะช่วงใกล้เทศกาลตรุษจีน นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้ไม่ว่านักท่องเที่ยวจะมาจากเมืองใดของประเทศจีน ได้รับการแจ้งเตือนจากไทยเกี่ยวกับระบบการควบคุมป้องกันโรคกรณีเจ็บป่วย โดยขอความร่วมมือไปยังบริษัททัวร์ต่างๆ หัวหน้าทัวร์และไกด์นำเที่ยว และแจกการ์ดนำนการปฏิบัติตัวกรณีป่วยให้นักท่องเที่ยวจากจีน หากป่วยขอให้นำตัวเองเข้ามารับการรักษาในรพ.ทั้งรัฐและเอกชน
“ยืนยันว่าขณะนี้สถานการณ์ในไทยยังสามารถคุมได้อยู่ ทุกอย่างเป็นปกติและยังไม่มีมาตรการหรือข้อจำกัดในการเดินทาง ขอแค่อย่าอยู่ใกล้ผู้ป่วย ส่วนประชาชนที่เดินทางกลับมาจากเมืองอู่ฮั่น หากมีไข้ ปวดหัว มีอาการคล้ายไข้หวัดขอให้รีบมาพบแพทย์ อย่าเพิ่งซื้อยากินเองในช่วงนี้ ซึ่งได้กำชับสถานพยาบาลทั้งรัฐ และเอกชนทั้งหมดแล้ว เพื่อเพิ่มศักยภาพในการควบคุมโรค มาให้เร็วมีโอกาสในการรักษาหายได้”นายอนุทินกล่าว
ด้าน นพ.สุขุม กล่าวว่า สถานการณ์หลังจากนี้จะเริ่มพบผู้ต้องสงสัยเข้าเกณฑ์การเฝ้าระวังติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019ในพื้นที่ต่างจังหวัด จึงได้สั่งการให้แต่ละจังหวัดดำเนินการเตรียความพร้อมใน 4 เรื่องสำคัญ ได้แก่ 1.ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อรองรับการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ จากระดับกรมเป็นระดับกระทรวงและขอให้เขตสุขภาพ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด เปิดศูนย์ฯ ระดับจังหวัด เพื่อเตรียมพร้อมบุคลากร ยา เวชภัณฑ์ และระบบส่งต่อ รวมถึงการประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานต่างๆ อย่างใกล้ชิด 2.ให้ดำเนินการตามมาตรการที่กรมควบคุมโรคกำหนดอย่างเคร่งครัด เช่น การสอบสวน การคัดกรองโรค และการเก็บสิ่งส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ 3.จังหวัดที่มีสนามบินและเที่ยวบินบินตรงจากอู่ฮั่น ขอให้บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆในจังหวัดอย่างเข้มข้น และ4.มาตรการเฝ้าระวังที่สนามบิน โดยให้มีการรายงานความคืบหน้าทุก 24 ชั่วโมง แต่หากพบผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคให้รายงานส่วนกลางทันที ทั้งนี้ มีการตรวจคุณภาพห้องแยกโรคความดันเป็นลบในรพ.ทุกจังหวัด แล้วพบว่ามีความพร้อมใช้งานทุกแห่ง
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัดสธ. กล่าวว่า ประชาคมโลกเมื่อพบสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคมาก องค์การอนามัยโลกจะมีการประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการประกาศ ซึ่งหากมีการประกาศประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะต้องมีการเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังโรคเข้มข้นขึ้น เหมือนกับการระบาดของโรคอีโบลา ที่มีความรุนแรงของโรคสูง
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 3 - 21 มกราคม 2563 คัดกรองไปแล้วจำนวน 123 เที่ยวบินจากเมืองอู่ฮั่น ผู้โดยสารและลูกเรือทั้งสิ้น 19,480 ราย พบข้อมูลผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคสะสม 38 ราย ยืนยันป่วย 4 ราย หายดีและกลับประเทศจีนแล้ว 2 ราย อีก 2 ราย รักษาอยู่ที่รพ.นครปฐม 1 ราย และ สถาบันบำราศฯ 1 ราย และขณะนี้ยังอยู่ในการเฝ้าระวังและดูแลอยู่ในห้องแยกโรคฯ ของรพ.10 ราย