'ศรีสะเกษ' พบผู้ต้องสงสัยติดเชื้อ 'โคโรน่า' 1 ราย

วันนี้ (26 ม.ค.63) ที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ ขณะแพทย์ พยาบาล ได้รับตัวผู้ป่วย 1 ราย ที่สงสัยว่าอาจจะติดเชื้อโคโรน่าไวรัส  ภายหลังจากโรงพยาบาลเครือข่ายแห่งหนึ่งในจังหวัดศรีสะเกษได้รับตัวผู้ป่วยที่มาพบแพทย์ พยาบาล ด้วยอาการที่แจ้งว่า อาจะเป็นไข้หวัด

เมื่อทีมแพทย์ พยาบาล ได้ทำการซักประวัติทราบถึงอาการของผู้ป่วยเข้าข่าย อาจมีการติดเชื้อโคโรน่าไวรัส เนื่องจาก ผู้ป่วยมีอาการหอบ เหนื่อย มีน้ำมูก มีไข้สูงๆ ต่ำๆ

ผู้ป่วยรายดังกล่าว มีประวัติการเดินทางกลับมาจากประเทศจีน มณฑลกวางสี เมืองกุ้ยหลิน เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2563 โดยกลับมาอาศัยอยู่บ้านเกิดตนเอง จังหวัดยะลา ก่อนที่จะเดินทางมาเยี่ยมญาติที่บ้านสีฐาน ตำบลบัวน้อย อำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ และอยู่ๆ เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2563 ก็ได้มีอาการป่วย จึงได้มาพบแพทย์ ที่ รพ.กันทรารมย์ ในเวลา 19.00 น.

อ่านข่าว-คนไทยรายแรกติด 'ไวรัสโคโรน่า' ที่นครปฐม หายดีกลับบ้านได้

ภายหลังจากแพทย์ พยาบาล ตรวจซักประวัติ จึงได้มีการประสาน รพ.ศรีสะเกษ ได้เปิดห้องกักกันโรคพิเศษ ก่อนส่งตัวเข้ามากักกันเฝ้าระวังในเวลา 20.00 น. เมื่อคืนนี้ (วันที่ 25 มกราคม 2563)

อ่านข่าว-อัพเดท 'ไวรัสโคโรน่า' จีนยืนยันยอด เสียชีวิต 56 คน

นายแพทย์ อดุลย์ โบจรัส ผอ.โรงพยาบาลกันทรารมย์ เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานจากทีมแพทย์ พยาบาล ว่า พบผู้ต้องสงสัยว่าจะมีการติดเชื้อโคโรน่าไวรัส ได้มีการประชุม ซักซ้อมกับทีมงานในการคัดกรองเฝ้าระวังผู้ป่วยที่เข้ามารักษาโรคหากพบอาการที่ต้องสงสัย และมีประวัติจากการเดินทางมาจากประเทศจีน โดยเฉพาะเมืองที่มีเชื้อโคโรน่าไวรัส ระบาดอยู่ ให้มีการแจ้งตนทันที

อ่านข่าว-นักวิทย์เผยวัคซีนป้องกัน ‘โคโรน่า’ อาจพร้อมใช้ใน 3 เดือน

"เมื่อคืนนี้ก็พบว่ามีน้องศึกษาอายุ 21 ปี ที่เดินทางมาจากประเทศจีน มณฑลกว่างซีกวางสี เมืองกุ้ยหลิน เข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2563 ที่บ้านเกิดตนเองในจังหวัดยะลา ก่อนที่จะเดินทางมาเยี่ยมญาติที่อำเภอกันทรารมย์ ในวันที่ 23 มกราคม 2563 และเกิดป่วยกะทันหัน ในวันที่ 25 มกราคม 2563 เมื่อซักประวัติแล้วพบเป็นผู้ต้องสงสัย จึงได้ประสานกับผู้อำนวยการ รพ.ศรีสะเกษ ได้เปิดห้องพิเศษกักกันโรคก่อนส่งตัวเข้าไปทันที"

ทั้งนี้ การกักกันเฝ้าระวังโรคที่จะทราบแน่ชัดว่ามีการติดเชื้อโคโรน่าไวรัสหรือไม่นั้น จะต้องรออยู่อาการอย่างน้อย 3 ถึง 16 วัน จึงจะทราบคำตอบแน่ชัดว่ามีการติดเชื้อจริงหรือไม่

ส่วนรายละเอียดอื่น ถึงความชัดเจนในการติดเชื้อหรือไม่ ต้องรอทางโรงพยาบาลใหญ่แถลงอีกครั้ง