'เซ็นกรุ๊ป'ชูแฟรนไชส์เร่งเกมบุก ‘คุมต้นทุน-หนุนกำไร’สวนศก.ซึม
นอกเหนือ “กำลังซื้อ” และ “เศรษฐกิจ” ที่อยู่ในภาวะชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ภาคธุรกิจยังเผชิญปัจจัยเสี่ยงที่ไม่สามารถควบคุมได้ในขณะนี้ทั้งปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 และการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ทำให้ทุกภาคส่วนต้องอยู่ในสถานการณ์เฝ้าระวัง!
ขณะที่ลูกค้า ประชาชน ระมัดระวังการใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น เลี่ยงไม่ได้ที่จะกระทบต่อผู้ประกอบการหลายแขนงในช่วงสั้น ภายใต้ความหวังว่าปัญหาจะไม่ลุกลามขยายวงกว้างมากไปกว่านี้ ซึ่งไม่ว่าตัวแปรจะเพิ่มขึ้นอย่างไร ธุรกิจก็ยังต้องเดินหน้า!
บุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ เซ็น (ZEN) ผู้ประกอบธุรกิจบริการอาหาร (Food Services) กล่าวว่า เซ็นกรุ๊ป มุ่งขยายพอร์ตธุรกิจร้านอาหารให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น ครอบคลุมทั้งอาหารสไตล์ญี่ปุ่น ไทย เวียดนาม และอาหารจีน โดยล่าสุดเปิดบริการแบรนด์ที่ 16 “ดินส์” (Din’s) อาหารจีนจานด่วนสไตล์ Neo Taiwanese
ท่ามกลางปัจจัยลบรุมเร้าในตลาด แต่เซ็นกรุ๊ป เชื่อว่าจะสามารถขับเคลื่อนธุรกิจเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยแพลตฟอร์มหรือโมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่ง การขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่องผ่านการลงทุนเอง และใช้ระบบ “แฟรนไชส์” เร่งสปีดในการขยายตลาด! การบริหารจัดการต้นทุนซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญที่สุด ต้องเปลี่ยน “ไขมัน” เป็น “กล้ามเนื้อ” พร้อมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง กระทัดรัด ทำอย่างไรให้ Bottom Line ออกมาสวยงาม “กำไร” ต้องโตกว่า “รายได้” นอกจากนี้ต้องนำ “เทคโนโลยี” เข้ามาประยุกต์ใช้ในธุรกิจมากขึ้น ทั้งด้านการผลิตเพื่อลดต้นทุน การนำนวัตกรรมใหม่ๆ เสริมทัพบริการ
“เสน่ห์ของธุรกิจอาหารมีภูมิคุ้มกันสูง ไม่ว่าจะเศรษฐกิจดีหรือไม่ดี ภาพรวมธุรกิจยังโต ช่วงเศรษฐกิจดีๆ โตมากกว่า 10% ไม่ดีก็ยังโต 3-5% หากเปิดถูกที่ถูกทาง แบรนด์ใช่ ทำเลใช่ ธุรกิจก็ไปได้”
ในปีนี้ เซ็นกรุ๊ป เตรียมขยายสาขาใหม่กว่า 240 แห่งจาก 16 แบรนด์ในพอร์ต เป็นสัดส่วนของแฟรนไชส์ไม่ต่ำกว่า 200 สาขา ซึ่งมุ่งเพิ่มพันธมิตร “มาสเตอร์แฟรนไชส์” ระดับภูมิภาค หรือแต่ละจังหวัดมากขึ้นสนับสนุนการขยายตลาดอย่างแข็งแกร่ง ส่วนอีก 40 สาขาจะเป็นการลงทุนเองของเซ็นกรุ๊ป ภายใต้งบประมาณราว 150 ล้านบาท
เกมรุกแรงของเซ็นกรุ๊ป นับว่าได้แรงส่งที่ดีจากปีก่อน! ซึ่ง บุญยง บอกว่า เปิดสาขามากที่สุดถึง 101 สาขาในรอบการดำเนินธุรกิจ 28 ปีทีเดียว โดยมีแบรนด์เขียง เข้ามาสร้างสีสันและเป็นหัวหอกเจาะลูกค้าได้ตรงใจด้วยความเป็น ไทยสตรีทฟู้ด! สอดรับภาวะเศรษฐกิจ กำลังซื้อ และพฤติกรรมลูกค้าที่มองหาความคุ้มค่า
แบรนด์ร้านอาหารในเซ็นกรุ๊ป อาทิ ตำมั่ว เขียง ลาวญวน ฟูเฟเวอร์ ฯลฯ ปัจจุบัน มีเครือข่ายสาขารวม 360 แห่งทั่วประเทศ เรือธงยังคงให้น้ำหนักที่ “ตำมั่ว” และ “เขียง” ซึ่งเป็นโมเดลต้นแบบของการปั้นแบรนด์น้องใหม่ “ดินส์” ในการเจาะตลาดด้วยราคาที่เข้าถึง พร้อมติดสปีดด้วยแฟรนไชส์
“ดินส์” เป็นการซื้อสิทธิ์มาสเตอร์แฟรนไชส์จาก ดินส์ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเปิดให้บริการในเมืองไทยเป็นครั้งแรก นับเป็นครั้งแรกของการเปิดตลาดนอกญี่ปุ่นของ “ดินส์” อีกด้วย รองรับศักยภาพการเติบโตของตลาดอาหารจีนในไทยมูลค่ากว่า 2-3 หมื่นล้านบาท มีเทรนด์ขยายตัวที่ดี! ประเดิมสาขาแรกในศูนย์การค้าสามย่าน มิตรทาวน์ ชูจุดขายราคาที่เข้าถึงลูกค้าทุกระดับ ตั้งเป้าหมายขยายสาขา 30 สาขาภายใน 3 ปี เน้นทำเลที่มีศักยภาพและมีประชากรหนาแน่น เช่น ภายในศูนย์การค้า ย่านใจกลางเมืองและชุมชน ฯลฯ ตั้งเป้าหมายสร้างรายได้กว่า 300 ล้านบาท
โดยเซ็นกรุ๊ป ยังได้รับสิทธิ์เปิดสาขาในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) ซึ่งจะเพิ่มโอกาสการเติบโตของแบรนด์ดินส์ในอนาคต
สุจันท์ภา พลางกูร ผู้จัดการทั่วไปกลุ่มแบรนด์ปิ้งย่างและคาเฟ่ กล่าวเสริมว่า ดินส์ นำเสนอเมนูอาหารจีนจานด่วนกว่า 50 เมนู ทั้งติ่มซำ อาหารทานเล่น อาหารจานหลักและเช็ตเมนู มีเมนูไฮไลท์ เสี่ยงหลงเปาติดปีก หรือ THE FLYING XIAO LONG BAO ที่พัฒนาสูตรโดยเชฟติ่มซำ รับประทานได้เฉพาะที่ ดินส์ เท่านั้น เมนูดังกล่าวได้แนวคิดจากคนญี่ปุ่นที่ชื่นชอบการรับประทานเกี๊ยวซ่า จึงได้นำมาพัฒนาแป้งสำหรับจัดวางเสี่ยวหลงเปาที่มีรูปลักษณ์เฉพาะตัวไม่ซ้ำใครคล้ายกับเสี่ยวหลงเปาติดปีก เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่างและสร้างเอกลักษณ์ให้ ดินส์!
บุญยง ย้ำอีกว่า กลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจของเซ็นกรุ๊ปยังมุ่งสร้างเอกลักษณ์โดดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่ง! เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างการเติบโต ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงทั้งด้านปัญหาฝุ่นและการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาจะสร้างผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้นส่วนใหญ่เน้นทำเลท่องเที่ยว
โดยเครือข่ายร้านอาหารกว่า 360 สาขาของเซ็นกรุ๊ปกระจายอยู่ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เป็นการกระจายความเสี่ยงจากผลกระทบต่างๆ ไปด้วยในตัว เชื่อว่ายังคงรับมือได้ด้วยแบรนด์และทำเลที่ใช่!