TMB คาดพิษไวรัสโคโรนา ฉุดนักท่องเที่ยวจีนหายครึ่งปีแรก 2.4ล้านคน กระทบปี63กว่า1แสนล้าน

 TMB คาดพิษไวรัสโคโรนา ฉุดนักท่องเที่ยวจีนหายครึ่งปีแรก 2.4ล้านคน กระทบปี63กว่า1แสนล้าน

TMB Analytics เผยการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ทำตลาดนักท่องเที่ยวจีนของไทยครึ่งปีแรกหายไปกว่า 2.4 ล้านคน ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวทั้งปี 63 สูญรายได้กว่า 1 แสนล้านบาทหรือ 0.7 % ของจีดีพี ธุรกิจโรงแรม 7,500 ราย กระทบหนักชวดรายได้ 2.8 หมื่นล้านบาท

    นายนริศ สถาผลเดชา ผู้บริหาร ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี ธนาคาร ทหารไทย หรือ TMB Analytics คาดว่าระดับความรุนแรงต่อภาคการท่องเที่ยวไทยจากไวรัสโคโรนาอยู่ที่ 70% ของกรณีโรคระบาดซาร์ส โดยพิจารณาจากปัจจัยระยะเวลาการแพร่ระบาดจากจุดเริ่มต้นจนสิ้นสุด พบว่าการรับรู้การระบาดของไวรัสโคโรนาเกิดขึ้นเร็ว และมีแนวโน้มที่จะยุติการแพร่ระบาดได้เร็วกว่ากรณีของโรคซาร์สที่เกิดขึ้นในปี 2546   เนื่องจากการดำเนินการที่รวดเร็วและเข้มงวดของรัฐบาลจีนในการป้องกันและควบคุมโรคไม่ให้แพร่กระจาย

ไม่ว่าจะเป็นการระงับการเดินทางเข้าออกเมืองอู่ฮั่นและเมืองอื่นๆในมณฑลหูเป่ย การสั่งห้ามจัดกรุ๊ปทัวร์เข้าออกประเทศจีน การสั่งปิดสถานที่เแลนด์มาร์คในเมืองต่างๆ รวมถึงมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของประเทศอื่นๆที่พบผู้ติดเชื้อ

   ซึ่งคาดว่าจะทำให้ผลกระทบความรุนแรงจากไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในครั้งนี้อยู่ในวงจำกัด โดยจะส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวของไทยหนักสุดในไตรมาสแรกซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวเทศกาลตรุษจีน ทำให้นักท่องเที่ยวจีนลดลงกว่า1.5 ล้านคน และทยอยปรับดีขึ้นเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย จนกลับมาอยู่ในระดับปกติได้ในช่วงกลางปี

  ดังนั้น ภาพรวมดีกรีผลกระทบจากไวรัสโคโรนาต่อภาคการท่องเที่ยวจะอยู่ที่ 70% โดยคาดการณ์นักท่องเที่ยวจีนลดลง 2.4 ล้านคนในช่วงครึ่งปีแรก ก่อนที่จะเริ่มกลับมาขยายตัวได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ส่งผลให้ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวมทั้งปี 2563 จะอยู่ที่ 38.7 ล้านคน ลดลงจากระดับ 40.8  ล้านคนตามคาดการณ์เดิม และรายได้ภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวข้องลดลงกว่า 1 แสนล้านบาทหรือคิดเป็น 0.7% ของจีดีพี

   “รายได้ภาคการท่องเที่ยวที่ลดลงมาจากธุรกิจโรงแรม ร้านอาหารและค้าปลีก จะสูญเสียรายได้กว่า 7 หมื่นล้านบาท  เมื่อวิเคราะห์ผลกระทบต่อรายได้ภาคการท่องเที่ยว โดยแบ่งเป็นรายภาคธุรกิจพบว่า รายได้ธุรกิจโรงแรมหายไป2.84 หมื่นล้านบาท(27%) เช่นเดียวกับการลดลงของรายได้ในธุรกิจค้าปลีกอีก 2.84 หมื่นล้านบาท(27%) และธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหารลดลง 1.89 หมื่นล้านบาท(18%) และที่เหลือ(ค่าเดินทาง ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว และอื่นๆ) หายไป 2.92 หมื่นล้านบาท

   อย่างไรก็ดี ศูนย์วิเคราะห์ฯ ประเมินว่า ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรงในแง่ผู้ประกอบการไทยในระดับสูงคือ ธุรกิจโรงแรม โดยมีผู้ประกอบการโรงแรมที่อยู่ในข่ายได้รับผลกระทบถึง 7,500 ราย ในขณะที่ ธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหารและอื่นๆ คาดว่าจะได้รับผลกระทบไม่มากนัก เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นเชนธุรกิจของผู้ประกอบการชาวจีน

   “ผู้ประกอบการโรงแรมขนาดกลางได้รับผลกระทบหนักสุด  ในมิติผู้ประกอบการพบว่า รายได้ของธุรกิจโรงแรมที่ลดลง 2.84 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นของผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมขนาดกลางซึ่งคาดว่าจะมีรายได้ลดลงถึง 49% ของผลกระทบรวม รองลงมาเป็น ธุรกิจโรงแรมขนาดเล็ก 31% และธุรกิจโรงแรมขนาดใหญ่ 20% ตามลำดับ โดยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบระดับสูงจะอยู่ในพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมท่องเที่ยว 7 จังหวัดหลัก ได้แก่ กรุงเทพฯ (32%) ภูเก็ต (29%) ชลบุรี (14%) กระบี่ (7%) สุราษฎร์ธานี (7%) เชียงใหม่ (5%) และพังงา(2%) ซึ่งมีผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมรวม 4,763 ราย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 65%ของจำนวนผู้ประกอบโรงแรมไทยทั้งประเทศ

   ขณะที่คุณภาพสินเชื่อธุรกิจโรงแรมขนาดกลางเปราะบาง และมีแนวโน้มแย่ลงจากผลกระทบไวรัส  สะท้อนจากณ สิ้นปี2562 ระดับ NPL อยู่ที่ 5.1% และมีหนี้ SM ที่ต้องเฝ้าระวังสูงถึง 13% รองมาเป็นธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กมีสัดส่วน NPL และหนี้ SM อยู่ที่ 4.1%และ 2.4% ตามลำดับ

   อย่างไรก็ดี เรายังคงต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์การควบคุมการแพร่ระบาด และผลกระทบที่เกิดขึ้นผู้ประกอบการที่เป็นซัพพลายเชนของภาคการท่องเที่ยว ตลอดจนทุกภาคส่วนควรเร่งออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง

อ่านข่าว
เจาะเรื่องลับ 'ไวรัสโคโรน่า' และอัพเดตข้อมูลที่ต้องรู้!