ส่งออกไตรมาส 1 สะดุด สินค้าไทยตกค้างท่าเรือจีน
สรท.หวั่น “โคโรนา” กระทบส่งออก คาดไตรมาสแรกโตแค่ 0.1% สินค้าเกษตรหนักสุด ตกค้างท่าเรือ ผ่านด่านศุลกากรไม่ได้ คาดมูลค่าความเสียหายไตรมาสแรก 2 พันล้านบาท
นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า สรท.ประเมินการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาว่า จะส่งกระทบกับการส่งออกสินค้าไทยไปจีนไตรมาสแรกของปี 2563 ประมาณ 2,000 ล้านบาท หรือ 0.87 %
ทั้งนี้ สินค้าที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ ผัก ผลไม้สด เพราะจีนปิดการขนส่งทางบก ทางน้ำและทางอากาศ เพื่อป้องกันระบาด ซึ่งเมืองส่งออกได้แต่ติดที่ท่าเรือเนื่องจากไม่มีรถบรรทุกมาขนส่งออกจากท่าเรือทำให้สินค้าเสียหาย ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบน้อย เพราะช่วงระบาดอยู่ในเทศกาลตรุษจีน โดยได้นำเข้าวัตถุดิบสต็อกไว้บางส่วนแล้ว
รวมทั้ง ส่งผลกระทบต่อภาคการขนส่งสินค้าเข้าจีนบางสายเรือ ที่ยังเปิดรับจองการระวางไปเมืองอื่น ยกเว้นเมืองอู่ฮั่น แต่ศุลกากรในประเทศปลายทางไม่อนุญาตให้เคลียร์สินค้าเข้าจีนได้ ทำให้สินค้าคงค้างอยู่ที่ท่าเรือปลายทาง และเมื่อท่าเรือเปิดบริการตามปกติ ซึ่งคาดว่าจะเป็นหลังวันที่ 10 ก.พ.นี้ หลังจากที่เปิดการทำงานเป็นปกติแล้ว จะมีเรือและสินค้าจำนวนมากเข้าเทียบท่า ทำให้เกิดความแออัดในท่าเรือ และอาจนำไปสู่การเรียกเก็บค่าบริการในท่าเรือเพิ่มขึ้นได้
นางสาวกัณญภัค กล่าวว่า หลังวันที่ 10 ก.พ.นี้ เมื่อจีนเปิดทำงานปกติ จะเร่งนำเข้าสินค้าจากไทยเพื่อผลิตสินค้า โดยเฉพาะผู้ผลิตสินค้าจะกลับมาเดินสายการผลิต เพื่อทดแทนสต็อกที่หมดช่วงวันหยุดยาว ทำให้อาจเกิดแรงกระชากเพื่อกระตุ้นการผลิตสินค้าออกมาเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งจะเป็นโอกาสสินค้าไทยที่จะส่งออกไปจีนมากขึ้น ซึ่งในปี 2562 ตลาดจีนมีสัดส่วนการส่งออก 11.8% ของการส่งออกไทยทั้งหมด
ทั้งนี้ ไวรัสโคโรน่า จะทำให้การส่งออกไตรมาส 1 ขยายตัวเพียง 0.1% แต่น่าจะฟื้นตัวไตรมาส 2 หากจีนควบคุมสถานการณ์ได้ ส่วนผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยประเมินอยู่ที่ 1.17 แสนล้านบาท หรือกระทบจีดีพี 0.67% ภายใต้ความสามารถในการควบคุมโรคให้ได้ภายใน 3 เดือน
“มองว่า ไวรัสโคโรนาจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนและการส่งออกของไทยระยะสั้น เพราะส่งออกไปจีนไม่ได้ แต่เชื่อว่าจีนจะควบคุมการระบาดได้ เพราะถ้าคุมไม่ได้กระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจจีนที่อาจจะขยายตัวเพียง 2-4%”
นอกจากนี้ หากมองแง่บวกไทยจะได้รับประโยชน์จากการที่ลูกค้าจีนหันมาซื้อสินไทยเพื่อทดแทนสินค้าจีน โดยมีผู้ประกอบการแจ้งว่าหากการปิดประเทศของจีนยืดเยื้อ จะกระทบการนำเข้าวัตถุดิบของไทย เช่น ยางรถยนต์ สารผลิตหน้ากากอนามัย ซึ่งผู้ประกอบการเตรียมนำเข้าวัตถุดิบจากประเทศอื่นแทนจีน
สำหรับการส่งออกปี 2562 มีมูลค่า 246,245 ล้านดอลลาร์ ติดลบ 2.7% โดย สรท.คงคาดการณ์การส่งออกปี 2563 ขยายตัว 0-1% ภายใต้สมมติฐานค่าเงินบาทเฉลี่ย 30.50 บาทต่อดอลลาร์ แต่ยังไม่รวมผลกระทบของการระบาดไวรัสโคโรนา
นางสาวกัณญภัค กล่าวว่า สรท.มีข้อเสนอเพื่อลดผลกระทบไวรัสโคโรนาว่า รัฐบาลควรเพิ่มโควต้านำเข้าสินค้าบางรายการ โดยเฉพาะสินค้าเกษตรเป็นกรณีพิเศษ เพราะปีนี้ ภัยแล้งจะรุนแรงกว่าปีก่อน ส่งผลกระทบทำให้ผลผลิตสินค้าเกษตรไม่เพียงพอต่อการส่งออก และไม่สามารถใช้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าได้ รวมถึงขอให้ผ่อนคลายกฎระเบียบในการขออนุญาตเข้าสินค้าให้มีความสะดวกมากขึ้น ในช่วงที่สินค้าขาดตลาด และหาตลาดใหม่ทดแทนตลาดจีนในระยะสั้น โดยเฉพาะสินค้าที่ไทยมีศักยภาพในการส่งออกไปจีน
นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า สั่งการให้กรมเจ้าท่าร่วมกับกรมควบคุมโรค เฝ้าระวังเรือเรือท่องเที่ยวและเรือสินค้าที่เดินทางมาจากจีน โดยจะตรวจวัดอุณหภูมิลูกเรือและผู้โดยสารทุกลำ และหากมีอาการเจ็บป่วยหรืออยู่ในภาวะเสี่ยงจะเฝ้าระวัง 14 วัน ซึ่งจุดที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษ เช่น ท่าเรือเชียงแสนและเชียงของ ซึ่งมีเรือสินค้าจากจีนมาก ส่วนเรือสินค้าที่เข้าท่าเรือคลองเตย กรุงเทพฯ จะมีจุดตรวจเรือที่ จ.สมุทรปราการ
“กรมเจ้าท่ามีข้อมูลของเรือทุกลำว่ามาจากท่าเรือประเทศใด โดยตอนนี้ท่าเรือต้นทางที่กรมเจ้าท่าเฝ้าระวังมี 10 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นท่าเรือในจีน ซึ่งเรือพวกนี้อยู่ในข่ายที่จะถูกตรวจสอบตามมาตรฐานของสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด”