JCK ตั้งเป้าดันยอดขายที่ดินปีนี้ 200-300 ไร่ หนุนรายได้แตะ 3 พันลบ.
JCK ปิดดีลขายที่ดินในนิคมอุตฯ TFD เฟส 2 มูลค่า 138 ล้านบาทให้บริษัทบรรจุภัณฑ์สัญชาติยุโรป คาดรับรู้รายได้ Q3/63 มั่นใจยอดขายตามเป้า 200-300 ไร่ รายได้รวมแตะ 3,000 ลบ.เหตุไทยเสน่ห์แรงในสายตาทุนต่างชาติ หลังแผนผัง EEC ชัดเจน
นายอภิชัย เตชะอุบล ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JCK เปิดเผยว่าบริษัทฯคาดว่าการขายที่ดินในปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 200-300 ไร่ และรายได้รวมอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท เนื่องจากภาพรวมในธุรกิจอื่นๆยังเป็นไปในทิศทางที่ดี โดยมีโครงการคอนโดมิเนียมอาร์ติซาน รัชดา จำนวน 4 อาคาร มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรจากประเทศจีน คาดว่าจะเริ่มโอนและรับรู้รายได้ตั้งแต่ปลายไตรมาส 2 ของปีนี้
ขณะที่ธุรกิจให้เช่าคลังสินค้า ได้ดำเนินการพัฒนาภายใต้โครงการ “The One นครพนม” ซึ่งบริษัทฯ ได้รับสิทธิการเช่าในที่ดินจำนวน 1,300 ไร่ เป็นระยะเวลา 50 ปีตั้งอยู่บนพื้นที่จังหวัดนครพนม ใกล้กับสะพานมิตรภาพไทย - ลาว นั้น พบว่ามีนักลงทุนแสดงความสนใจ
ทังนี้บริษัทฯได้ลงนามสัญญาซื้อขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม TFD เฟส 2 มูลค่า 138 ล้านบาท ให้กับบริษัทบรรจุภัณฑ์จากประเทศในยุโรป คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 3 ของปี 2563 นี้ นอกเหนือไปจากนี้พบว่ามีทุนจากต่างประเทศ ได้แสดงความสนใจขอเยี่ยมชมพื้นที่ เนื่องจากเห็นว่าที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทำให้ได้รับเงื่อนไขและสิทธิประโยชน์การลงทุนที่ดี ปัจจุบันนี้ พบว่ามีลูกค้าแสดงความสนใจจะซื้อที่ดินรวมจำนวนราว 60-70 ไร่
“ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจในประเทศเติบโตถดถอย แต่ภาพรวมธุรกิจของบริษัทโดยเฉพาะการขายที่ดินในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมยังมีแนวโน้มที่ดี คาดว่าสืบเนื่องจากที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทฯอยู่ในแผนผังการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทำให้ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะนักลงทุนจากประเทศจีนเริ่มไหลออกไปลงทุนต่างประเทศ ภายหลังได้รับผลกระทบจากสงครามการค้ากับสหรัฐอเมริกา และมองไทยเป็นเป้าหมายการลงทุนในลำดับต้น ๆ นอกจากนี้ บริษัทฯเตรียมเดินทางไปกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพื่อพบปะกับนักธุรกิจในประเทศญี่ปุ่นช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งคาดว่าน่าจะได้รับการตอบรับที่ดี เนื่องจากโครงการ EEC มีความชัดเจน”