อัยการสูงสุด รับสำนวนคดี ‘ผอ.กอล์ฟ' คดีฆ่าชิงทองลพบุรี ขอศาลลงโทษสถานหนัก
ตร.ส่งสำนวน 1,600 กว่าหน้า แจ้ง 9 ข้อหา “อัยการ” ตั้งคณะทำงานยันหากฟ้องคัดค้านประตัวและขอศาลลงโทษสถานหนัก
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 11 ก.พ.63 ที่ห้องประชุมใหญ่ชั้น 11 สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก “นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน” อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา , นายพรชัย ชลวานิชกุล รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา , นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมด้วย พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาทโอสถ ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 , พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1 , พ.ต.อ.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบก.ป. เข้าร่วมแถลงข่าว การส่งมอบสำนวนคดีกล่าวหา “นายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือกอล์ฟ” อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในจังหวัดสิงห์บุรี ผู้ต้องหา คดีชิงทรัพย์ห้างทองออโรร่า สาขาห้างโรบินสัน จ.ลพบุรี จำนวน 4 แฟ้ม เป็นเอกสาร 1,665 หน้า และพยานวัตถุแผ่นซีดีและภาพวงจรปิด ให้อัยการพิจารณาสั่งคดี
โดยสำนวนดังกล่าว แจ้ง 9 ข้อกล่าวหา 1. ฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่นหรือเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่นหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ 2.พยายามฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น
3.ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้อาวุธและใช้ยานพาหนะเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัส 4.ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน 5. พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรและโดยไม่ได้รับอนุญาต 6.มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 7.มีและใช้อาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ 8.ใช้อาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ในการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นและฐานชิงทรัพย์ 9. มียุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
โดย “นายสิงห์ชัย อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา” ระบุว่า คดีนี้เป็นคดีสำคัญก่อเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญประชาชน ซึ่งอัยการสูงสุดก็ได้ติดตามคดีอย่างใกล้ชิด และให้ดำเนินกระบวนการสั่งคดีด้วยความรวดเร็ว หลังจากนี้ตนก็จะตั้งคณะทำงานโดยมีอัยการจากสำนักงานคดีอาญา 6 เป็นคณะทำงาน มี นายพรชัย รองอธิบดีอัยการสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นหัวหน้าคณะ ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะสั่งคดีได้ทันในระยะเวลากำหนดฝากขังครั้งที่ 3
ด้าน “นายพรชัย” รองอธิบดีอัยการสำนักงานอัยการสูงสุด ได้กล่าวว่า ยืนยันว่าหากมีการฟ้องคดี อัยการจะมีการยื่นคัดค้านการประกันตัวจนคดีถึงที่สุด และจะขอให้ศาลลงโทษสถานหนัก แม้จำเลยจะรับสารภาพ
ด้าน “พ.ต.อ.สมควร” รอง ผบก.ป. ได้ระบุว่า ผู้ต้องหาคดีนี้ได้รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรูปคดีที่ได้จากการสอบสวน พบว่าผู้ต้องหาได้กระทำการเพียงคนเดียว ซึ่งตามสำนวนมีพยานทั้งสิ้น 80 ปาก หากภายหลังยื่นฟ้องคดียืนยันว่าจะติดตามพยานมาให้อัยการเพื่อสืบพยานให้ครบตามที่อัยการต้องการนำเสนอต่อศาล ส่วนของกลางที่ยึดได้ คือทองคำ 31 เส้น (มูลค่าราว 650,515บาท) โดยมีทองคำที่ทางผู้ต้องหาอ้างว่า ทิ้งและตกหล่นไป 2 สลึง
ด้าน “นายประยุทธ” รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงกรณีที่ญาติของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจะเข้ามาเป็นโจทย์ร่วมว่าว่าทางครอบครัวของผู้เสียหายสามารถที่จะมาพบกับอัยการสำนักงานคดีอาญา6 ซึ่งดูแลสำนวนคดีเพื่อจะยื่นคำร้องต่อศาลในการของเข้าเป็นโจทก์ร่วมเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่ง ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 44/1
ด้าน “พล.ต.ท.อำพล” ผบช.ภ.1 กล่าวว่า จะรับเรื่องที่จะไปประสานกับญาติของผู้เสียหายให้ทราบข้อมูลและขั้นตอนการขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมเพื่อจะให้ผู้เสียหายเกิดความสะดวก พร้อมรับปากว่าจะติดตามพยานมาให้อัยการได้ตามที่ครบทุกปาก