จนท.เร่งทำแนวกันไฟ หวั่นปะทุรอบใหม่

จนท.เร่งทำแนวกันไฟ หวั่นปะทุรอบใหม่

สถานการณ์ไฟป่าที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย เจ้าหน้าที่ควบคุมไฟได้แล้ว แต่ยังต้องการรถแทรกเตอร์ช่วยทำแนวกันไฟเพิ่ม หวั่นเดือนหน้าแล้งหนักอาจเกิดเหตุซ้ำ ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังต้องการหน้ากากกันฝุ่นจิ๋วและเสบียงเพราะทำงานทั้งวันทั้งคืน

เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 63 สถานการณ์ไฟไหม้อุทยานแห่งชาติภูกระดึง แม้เจ้าหน้าที่จะสามารถควบคุมเพลิงที่ลุกไหม้กว่า 3,400 ไร่ไว้ได้แล้ว ตั้งแต่ช่วง 02.00 น.ของวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่บางจุดพบว่ายังคงมีควันไฟพวยพุ่งขึ้นมา ประกอบกับพื้นที่ด้านบนมีสภาพแห้งแล้ง เจ้าหน้าที่หวั่นว่าจะมีไฟปะทุขึ้นมารอบใหม่ จึงต้องเฝ้าระวังโดยทำแนวกันไฟไม่ให้ลุกลาม ซึ่งขณะนี้รถแทรกเตอร์ที่ถูกนำขึ้นไปใช้ทำแนวกันไฟมีอยู่เพียง 1 คัน ทำงานตั้งแต่เช้าวันที่ 16 ก.พ.ตั้งแต่ไฟป่าเกิดขึ้นบริเวณซำขอนแดง ทำงานทั้งวันทั้งคืนก็เริ่มจะชำรุดแล้ว จึงต้องการแทรกเตอร์คันใหม่ขึ้นไปสมทบซึ่งขณะนี้จอดเตรียมพร้อมอยู่ที่สถานีควบคุมไฟป่าภูกระดึงแล้ว

ทางสถานีควบคุมไฟป่า ได้ทำหนังสือถึงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ แต่ยังไม่ได้รับการอนุมัติเฮลิคอปเตอร์ขนย้ายรถแทรกเตอร์ขึ้นไปด้านบน ซึ่งถ้าหากภายในเดือนนี้ยังไม่มีการตอบรับ อาจจะต้องใช้วิธีแกะชิ้นส่วนรถแทรกเตอร์แล้วให้ลูกหาบขนขึ้นไป เพื่อเร่งทำแนวกันไฟให้ทันเดือนหน้าที่คาดว่าจะแล้งหนักกว่านี้

อ่านข่าว
เผาเก็บของป่าและซากวัสดุเกษตร ถูกระบุ เป็นตัวการไฟป่ามากที่สุด

ลูกหาบที่อยู่มานานกว่า 10 ปี บอกว่า การนำเอาชิ้นส่วนรถแทรกเตอร์ขนาด 3 ตัน ต้องแกะชิ้นส่วนออกให้หมด และลำบากกว่าการขนสิ่งของนักท่องเที่ยว 10 เท่า อีกทั้งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 วัน กว่าถึงบนภู

สำหรับสถานการณ์ไฟไหม้ป่าภูกระดึง เกิดขึ้นมาตั้งแต่วันที่16 ก.พ. ข้อมูลจากสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค10 ระบุถึงความเสียหายว่าไฟป่าทำให้ต้นสนอายุกว่า 100 ปีเสียหายอย่างหนัก พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าสนสองใบและสามใบ และนับเป็นการเกิดไฟป่าครั้งที่ 3 ในรอบ 8 ปี ครั้งล่าสุดนี้เสียหายไปกว่า 3,400 ไร่

ถึงแม้จะมีการควบคุมไฟป่าได้แล้ว แต่ยังมีควันไฟที่หลงเหลืออยู่ ทำให้ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังคงต้องการหน้ากากอนามัยกันฝุ่นจิ๋ว และเสบียงอาหาร เพราะยังต้องอยู่ทำแนวกันไฟและเฝ้าระวังการปะทุรอบใหม่