ตั้ง 'กรวัชร์' รักษาราชการ อธิบดี 'ดีเอสไอ' ไม่มีประเด็นขัดแย้ง
"สมศักดิ์" แจง "ไพสิฐ" สมัครใจให้ตั้งรักษาการแทน ไม่มีประเด็นขัดแย้ง-ตั้งกก.สอบ สาเหตุจากอาการป่วยที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด มั่นใจ "กรวัชร์" เดินหน้างานดีเอสไอไม่สะดุด
เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 63 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการแต่งตั้ง พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประกาภร ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม ไปรักษาราชการในตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ป่วยจนไม่สามารถปฏิบัติงานได้มานานกว่า 1 เดือน จึงได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับตนว่า หากเป็นไปได้อยากให้ตั้งรักษาราชการแทน เพราะอาจต้องลาราชการเข้ารับการผ่าตัด และรักษาพยาบาลนานกว่า 1 เดือน
ตนจึงได้หารือกับผู้เกี่ยวข้องแล้วเห็นตรงกันว่า พ.ต.ท.กรวัชร์ มีความเหมาะสม เพราะเพิ่งพ้นจากตำแหน่งรองอธิบดีดีเอสไอไม่กี่เดือน สามารถเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ได้โดยไม่ขาดตอน ซึ่งพ.ต.อ.ไพสิฐ ก็มีความประสงค์ไปในทางเดียวกัน ยืนยันว่าไม่มีข้อขัดแย้งหรือปัญหาใดๆ นอกจากความเจ็บป่วยที่ต้องเข้าพบแพทย์และรับการผ่าตัดตามคำแนะนำของแพทย์ ส่วนคำถามว่าพ.ต.อ.ไพสิฐป่วยด้วยโรคอะไรตนไม่ขอพูด อยากให้เจ้าตัวได้พูดเอง
“ย้ำอีกครั้งว่าเรื่องการลาราชการและตั้งรักษาราชการแทนไม่มีการบีบบังคับ เป็นความสมัครใจของพ.ต.อ.ไพสิฐเอง แม้แต่ข่าวลือที่ระบุว่าจะลาออกเพราะถูกตั้งกรรมการสอบสวนก็ไม่มี เพราะผมยังไม่เคยกรรมการสอบสวนการปฏิบัติหน้าที่ในทางคดีของดีเอสไอ ที่ผ่านมาไม่เคยเข้าไปแทรกแซงการทำคดีแต่ได้ให้อิสระอย่างเต็มที่ จะเข้าไปพูดคุยบ้างในเรื่องระยะเวลาการทำคดีที่ช้าหรือเร็ว แต่ไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องหรือสั่งการให้ผลคดีเป็นซ้ายหรือขวา อย่างไรก็ตาม การเข้ามารักษาราชการของพ.ต.ท.กรวัชร์ ถือว่ามีอำนาจเต็มที่งานสอบสวน และการบริหารงานภายใน” นายสมศักดิ์กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาคดีความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ว่า รายละเอียดเนื้อหาการประชุมเป็นเรื่องลับที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่พบว่าเฟคนิวส์เกี่ยวกับความมั่นคงมีแนวโน้มลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยตั้งแต่เดือน ต.ค. 61-ม.ค.62 เนื้อหาเฟคนิวส์จำนวน 4,000 เรื่องที่ถูกสั่งปิด เปรียบเทียบกับตัวเลขในช่วงเวลาเดียวกันของปีนี้เหลือเพียง 1,700 เรื่อง ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดลงเกินกว่า 50 %
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีความมุ่งมั่นในการปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติดตั้งแต่รายย่อยไปถึงผู้บงการรายใหญ่ โดยรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลแรกที่จัดตั้งคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการยึดทรัพย์สินคดียาเสพติด ซึ่งการปฏิบัติจะแตกต่างไปจากการยึดทรัพย์ที่ผ่านมาที่ตำรวจ ปปง. และป.ป.ส.ต่างคนต่างทำ แต่การรวมเป็นศูนย์ปฏิบัติการจะทำให้ปูพรมปฏิบัติการไปพร้อมกันไม่ใช่แค่ยึดทรัพย์ที่ลอยออกมาให้เห็น แต่เป็นการเข้าไปควานยึด
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้าปัญหายาเสพติดจะถูกหยิบยกขึ้นมาโจมตี กระทรวงยุติธรรมพร้อมชี้แจงถึงปริมาณยาเสพติดที่เพิ่มมากขึ้น สืบเนื่องจากสารตั้งต้นที่นำไปผลิตยาเสพติดเป็นเคมีภัณฑ์หาง่าย และมีราคาถูกลง ขณะที่เครื่องจักรในการผลิตสามารถผลิตได้จำนวนมาก 2-3 ล้านเม็ดต่อวันต่อหนึ่งโรงงาน ดังนั้นจึงต้องใช้มาตรการยึดทรัพย์เข้าไปจัดการกับเครือข่ายยาเสพติดในทุกระดับ