สถานทูต แนะคนไทยปฏิบัติตามทางการเกาหลีใต้สกัด 'โควิด-19'

สถานทูต แนะคนไทยปฏิบัติตามทางการเกาหลีใต้สกัด 'โควิด-19'

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล แนะคนไทยปฏิบัติตามทางการเกาหลีใต้สกัดแพร่ระบาด ‘โควิด-19’ เคร่งครัด เผย ขยายเวลาให้ต่างชาติพำนักในประเทศถูกกฎหมายไปจนถึง 29 เม.ย. ลดการแพร่กระจายเชื้อโรค

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ออกประกาศเมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2563 เรื่องการแพร่ระบาดรเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ (โควิด-19) ระบุว่า ตามที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าในเกาหลีใต้อย่างรวดเร็ว และต่อเนื่อง โดยล่าสุดพบผู้ติดเชื้อในเกาหลีใต้แล้ว 893 รายและเสียชีวิตแล้ว 8 ราย  โดยเฉพาะในเมืองแดกูและพื้นที่โดยรอบในจังหวัดคย็องซังเหนือ พบผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 724 ราย 

สถานทูตแจ้งมาตรการของรัฐบาลเกาหลีใต้ดังนี้ 1. เมื่อวันที่ 23 ก.พ. รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศยกระดับเตือนภัยเป็น “สีแดงเป็นขั้นร้ายแรงสูงสุด” โดยนายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการศูนย์บัญชาการของศูนย์พิบัติภัยและป้องกันการแพร่ระบาด ซึ่งมีอำนาจกำกับแล้วระดมกำลังหน่วยภาครัฐ  และสามารถสั่งการดำเนินมาตรการขั้นเด็ดขาด ในการควบคุมกิจกรรมชุมชนและใช้สถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะ  เพื่อป้องกันไม่ให้การแพร่ระบาดรุนแรงขึ้น 

2. รัฐบาลเกาหลีใต้ให้เมืองแดกูและเขตช็องโด จังหวัดคย็องซังเหนือ เป็นเขตบริหารจัดการพิเศษตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ. และขอให้ประชาชนในพื้นที่หรือผู้ที่เคยเดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าวหลีกเลี่ยงการเดินทางออกจากที่พักอาศัยหรือเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ รัฐบาลได้จัดเตียงเตียงผู้ป่วยเพิ่ม 156 เตียงที่ศูนย์การแพทย์แดกู  และศูนย์การแพทย์ดงซาน มหาวิทยาลัยแคมยอง อีกทั้งมีแผนจะจัดเตรียมเตียงรองรับผู้ป่วยที่โรงพยาบาลอื่นๆในเมืองแดกูเพิ่มอีก 453 เตียงและในเขตชองโดและบริเวณใกล้เคียงในจังหวัดคย็องซังเหนือ ให้ได้รวม 900 เตียง

3. กระทรวงศึกษาธิการเกาหลีใต้ได้ออกคำสั่งเลื่อนการเปิดภาคเรียนของสถานศึกษาระดับอนุบาล  ประถมศึกษา  และมัธยมศึกษา  รวมทั้งโรงเรียนเฉพาะทางทั่วประเทศออกไปเป็นเวลา 1 สัปดาห์จนไปถึงวันที่ 9 มี.ค. และสำหรับสถาบันเอกชนอื่นๆที่ตั้งอยู่ในเส้นทางการสัญจรของผู้ติดเชื้อขอให้พิจารณาปิดทำการและขอให้นักเรียนครูผู้สอนหยุดทำการเรียนการสอน  โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบการดำเนินการตามมาตรการรักษาความปลอดภัยของสถาบันต่างๆ 

4. กระทรวงยุติธรรมเกาหลีใต้ได้ออกคำสั่งงดการเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังในเรือนจำทั่วประเทศ   และขยายเวลาการพำนักให้แก่ชาวต่างชาติที่อยู่ในเกาหลีใต้อย่างถูกกฎหมายและระยะการพำนักใกล้สิ้นสุดลง  ให้สามารถอยู่ต่อได้ในเกาหลีใต้ถึงวันที่ 29 เม.ย.  โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง  เพื่อยื่นเรื่องขยายระยะเวลาการพำนักเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของเชื้อ  ทั้งนี้การตรวจลงตราบางประเภท  อาทิ E-9 และE-10 ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้มีอำนาจในการอนุมัติขอให้พยายามใช้วิธีการยื่นเอกสารออนไลน์หรือมอบอำนาจให้นายจ้างดำเนินการแทน 

5. เทศบาลกรุงโซล สั่งห้ามการจัดชุมนุม  รวมถึงการเข้าร่วมชุมนุมในช่วงสุดสัปดาห์บริเวณจัตุรัสกรุงโซล  จัตุรัสชองเก และจัตุรัสควางฮวามุน โดยผู้ฝ่าฝืนจะถูกปรับคนละ 3,000,000 วอน  

ทั้งนี้ สั่งเปิดสถานีอนามัยให้บริการ 24 ชั่วโมงจำนวน 25 แห่งในพื้นที่ 25 เขตในกรุงโซล  และกำหนดให้ศูนย์การแพทย์โซลเป็นสถานที่ตรวจสำหรับเด็ก  โดยเฉพาะกำหนด Seoul Metropolitan Seonam Hospital ให้เป็นโรงพยาบาลควบคุมโรคระบาดรองรับผู้ป่วยโควิf-19 โดยได้เตรียมเตียงสำหรับผู้ป่วยเพิ่มแล้ว 413 เตียงและมีแผนที่จะจัดหาเตียงเพิ่มอีก 900 เตียง  

อีกทั้ง มีคำสั่งปิดสถานสงเคราะห์ต่างๆ เช่น บ้านพักคนชรา  ศูนย์วัฒนธรรมกีฬา  และให้ข้าราชการของเทศบาลกรุงโซลร้อยละ 70 เข้าทำงานตั้งแต่ 10.00 น. และเลิกงาน 19.00 น. เพื่อลดความแออัดในชั่วโมงเร่งด่วนและอาจขอความร่วมมือจากบริษัทเอกชนต่อไป  

นอกจากนี้ ประกาศจัดแถลงข่าวสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นประจำทุกวันเวลา 11.00 น. และ 15.00 น. เพื่อสื่อสารกับประชาชนและให้ข้อมูลโปร่งใสรวมถึงให้ข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์

สถานทูตฯ ออกประกาศขอให้คนไทยในเกาหลีใต้ทุกคน ปฏิบัติตามมาตรการในการควบคุมโรคของรัฐบาลเกาหลีใต้อย่างเคร่งครัด  รวมถึงหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงหรือมีกิจกรรมการชุมนุมของคนจำนวนมาก  ระมัดระวังดูแลสุขภาพให้แข็งแรง หมั่นล้างมือให้สะอาด  ใช้ช้อนกลางและสวมหน้ากาก  เมื่อมีความจำเป็นต้องออกไปพื้นที่สาธารณะ

ทั้งนี้  สำหรับผู้ที่มีอาการไอจาม  หรือพบใครมีความผิดปกติบริเวณทางเดินหายใจขอให้กลับคำปรึกษาเบื้องต้นจากกรมควบคุมโรคเกาหลีใต้โทร 1339 หรือสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้ โทร. 1345 ต่อ 0*5* สำหรับภาษาไทยก่อนการเดินทางไปยังโรงพยาบาลเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากโรงพยาบาล หากมีกรณีเร่งด่วนที่ต้องติดต่อราชการกับสถานทูตฯ สามารถติดต่อมายังสายด่วนได้ที่ +82 1067 4700 95 หรือทางอีเมล[email protected]

158261773473

158261774653