'ไทยพาณิชย์' เคาะ 2 แผน แก้ปัญหาหนี้ PACE
“ไทยพาณิชย์” ใกล้สรุปแผนฟื้นหนี้ “เพซ” เบื้องต้นวาง 2 แนวทาง “ฟื้นฟูกิจการ-ขายสินทรัพย์” คาดชัดเจนไตรมาสแรกปีนี้ ด้าน ผู้บริหารเพซ หวังเดินหน้าต่อ 2 โครงการ มั่นใจหากแล้วเสร็จโอนให้ผู้ซื้อได้ จะมีสภาพคล่องมาชำระหนี้
นายสารัชต์ รัตนาภรณ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์(SCB) เปิดเผยว่า ภายในไตรมาส1/2563 ธนาคารเตรียมสรุปแนวทางปรับโครงสร้างหนี้ของ บมจ.เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น(PACE) ซึ่งเบื้องต้นมี 2 แนวทาง คือ การฟื้นฟูกิจการ และ การขายสินทรัพย์ของเพซ โดยธนาคารจะเลือกแนวทางที่ดีที่สุด
หากธนาคารต้องเลือกใช้แผนขายสินทรัพย์ของ PACE เชื่อว่าจะไม่มีปัญหา เพราะ PACE ยังมีสินทรัพย์ที่สามารถนำออกขายได้ เช่น โครงการนิมิตหลังสวน หากเดินหน้าก่อสร้างเสร็จ ก็สามารถขายนำเงินมาใช้หนี้ธนาคารได้
สำหรับปัญหาของ PACE ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ต้องแบ่งออกเป็นสองส่วน เนื่องจาก PACE มีธุรกิจร้านอาหาร ขนมและเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ดีน แอนด์ เดลูก้า (DEAN & DELUCA) อยู่ด้วย โดยในส่วนของดีน แอนด์ เดลูก้า ที่มีปัญหาในต่างประเทศ ซึ่งทางอเมริกาได้แก้ปัญหา ด้วยการให้ดีน แอนด์ เดลูก้า เข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการ
ส่วนที่สอง คือ ของ SCB ที่เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของ PACE ดังนั้นธนาคารจำเป็นต้องศึกษาและเลือกแนวทางการจัดการปัญหาอย่างละเอียดที่สุดก่อนตัดสินใจว่า จะใช้แนวทางใดจะเหมาะสมในการแก้ไขปัญหาหนี้ที่เกิดขึ้น และทำให้ PACE กลับมาดำเนินธุรกิจได้เร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม ปัญหาหนี้เสียที่เกิดจาก PACE ในขณะนี้ไม่กระทบต่อธุรกิจและหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธนาคาร เนื่องจากธนาคารได้ตั้งสำรองหนี้เสียกรณีดังกล่าวไว้เรียบร้อยแล้ว
ด้านนายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PACE กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างหาทางออกร่วมกับเจ้าหนี้ คือ SCB เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสม เพื่อให้ผลการดำเนินงานของบริษัท กลับมาดำเนินงานได้ตามปกติโดยเร็ว ซึ่งคาดว่า การเลือกแนวทางที่เหมาะสม น่าจะมีความชัดเจนได้ภายในไตรมาสแรกปีนี้
"วันนี้ใกล้ได้ข้อสรุป ซึ่งก็มีหลาย Scenario แต่ละแนวทางก็มีมีข้อดีและข้อเสียต่างกัน การเลือกแนวทางคาดว่าจะเห็นบทสรุปในเร็ววันนี้ อย่างการฟื้นฟูกิจการเราเชื่อว่ามีน้อยกว่า เพราะหากไม่เข้า การเดินหน้าฟื้นกิจการก็อาจทำได้ง่ายกว่า ดังนั้นไม่ใช่ว่าเรามีแค่ทางเลือกฟื้นฟูกิจการ หรือขายสินทรัพย์ ซึ่งการตัดขายสินทรัพย์ออกมาอีก เราอาจไม่เลือกแนวทางนี้ และยังไม่มีแผนวันนี้ เพราะวันนี้เรามีสองโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ที่สามารถดำเนินการต่อได้ ไม่จำเป็นต้องขาย"
ทั้งนี้โครงการก่อสร้างของบริษัทอีก 2 โครงการ ประกอบด้วย โครงการนิมิตหลังสวน และ โครงการมหาสมุทร โดยทั้ง 2 โครงการมีมูลค่ารวมกันราว 1.2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น โครงการนิมิตหลังสวน 8 พันล้านบาท และ โครงการมหาสมุทร 4 พันล้านบาท หาก 2 โครงการนี้แล้วเสร็จ เชื่อว่าจะสามารถโอนให้ผู้ซื้อได้หมด ซึ่งจะทำให้บริษัทมีสภาพคล่องกลับเข้ามา และเพียงพอชำระหนี้
ส่วนวงเงินชำระหนี้ ที่ผ่านมา บริษัทชำระหนี้ไปบางส่วนแล้ว ทำให้ภาระหนี้ ที่อยู่กับไทยพาณิชย์ เชื่อว่าต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท