โรคระบาดในเครือข่ายสังคม
จากพิษการแพร่กระจายของไวรัสโคโรน่า 2019 นอกจากจะคุกคามยังชีวิตและเศรษฐกิจ ยังตามมาด้วยการ "คุกคามด้านสังคม" ทำให้ผู้คนรังเกียจกันและกัน แถมยังคล้ายกับจะเป็นโรคระบาดอีกโรคหนึ่ง
การระบาดของข่าวเท็จนี้ส่งผลเสียนานาประการนับตั้งแต่สร้างความตื่นตระหนกให้เกิดขึ้น หน้ากากป้องกันเชื้อโรค เจลล้างมือ ขาดตลาดอย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากการตื่นตระหนกเกินสมควร แล้วพากันกักตุนไว้เกินกว่าที่ใช้ ซึ่งไม่อาจปฏิเสธได้ว่าความตื่นตระหนกเกิดขึ้นส่วนใหญ่มาจากการรับข่าวเท็จจากเครือข่ายสังคม
ในทางตรงข้าม "การระบาดของข่าวเท็จ" ยังทำให้หลายคนป้องกันตนเองจากโรคระบาดด้วยวิธีการที่ไม่ได้ผล เพียงเพราะเชื่อตามข่าวเท็จที่พบเจอในเครือข่ายสังคม โรคระบาดในเครือข่ายสังคมจึงมีผลร้ายแรงไม่น้อยไปกว่าการระบาดของโควิด-19
อะไรทำให้การระบาดของข่าวเท็จผ่านเครือข่ายสังคมเป็นไปอย่างรวดเร็ว อะไรทำให้ผู้คนยอมรับข่าวเท็จว่าเป็นความจริง
งานวิจัยของอาจารย์ด้านการวิเคราะห์ความเสี่ยงจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด พบว่าข่าวเท็จในเครือข่ายสังคมมีพฤติกรรมเสมือนไวรัสคือมีหลากหลายสายพันธุ์ ทำให้คนสร้างภูมิคุ้มกันได้ไม่ครบถ้วน
ข่าวเท็จในประเด็นเดียวกันอาจปรากฏขึ้นในหลากหลายรูปแบบ รับข่าวเท็จในรูปแบบแรกอาจไม่ค่อยเชื่อ แต่จะยอมเชื่อมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเจอะเจอกับสายพันธุ์อื่นของข่าวเท็จ ข่าวเท็จเดิมจะทำให้ดูน่าเชื่อมากขึ้นถ้าปรากฏให้เห็นซ้ำแล้วซ้ำอีกในหลากหลายรูปแบบ ดังนั้นเราจึงต้องแยกแยะให้ได้ว่า เป็นเพียงข่าวเท็จเรื่องเดียวกันที่ปรากฏให้เห็นในหลากหลายรูปแบบเท่านั้น
ข่าวเท็จกระจายอย่างรวดเร็วแบบทวีคูณ จาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 4 ในทำนองเดียวกับการระบาดของโรคที่เกิดจากไวรัส หากมีการติดเชื้อรับข่าวเท็จโดยคนใดคนหนึ่งและคนนั้นมีกลุ่มเพื่อนในเครือข่ายสังคมมากมาย
คนแต่ละคนเป็นคล้ายๆ ศูนย์กลางของกลุ่มเพื่อนที่ใช้งานเครือข่ายสังคมและกลายเป็นพาหะของข่าวเท็จไปเลย คล้ายๆ กับที่ไวรัสจะระบาดอย่างรวดเร็วในกลุ่มคนที่อยู่ใกล้ชิดกัน
ดังนั้น ถ้าสร้างภูมิต้านทานให้กับคนที่เป็นเสมือนศูนย์กลางกลุ่มคนที่ใช้งานเครือข่ายสังคมให้เข้มแข็งพอที่จะรู้เท่าทันข่าวเท็จ ไม่เผยแพร่ ไม่แชร์ข่าวเท็จนั้นอีกต่อไป การระบาดของข่าวเท็จก็จะลดลงได้
ข่าวเท็จระบาดได้รวดเร็วในกลุ่มคนที่มีความลำเอียง เชื่อเรื่องใดเรื่องหนึ่งไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งเช่น คนที่ลำเอียงไปกับกลุ่มการเมืองกลุ่มหนึ่งจะเชื่อและแชร์ต่อข่าวเท็จเกี่ยวกับกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้าม คนมีแนวโน้มที่จะยอมรับข่าวเท็จนั้น หากข่าวเท็จสอดคล้องกับความเชื่อดั้งเดิมที่มีอยู่ ถ้าเชื่อว่าคนบริหารบ้านเมืองไม่เก่ง ข่าวเท็จเกี่ยวกับการไร้ฝีมือของผู้นำมักเป็นที่เชื่อถือและส่งต่อกันอย่างกว้างขวาง ถ้าไม่ชอบเจ้านายในที่ทำงานข่าวเท็จเกี่ยวกับเจ้านายจะมีเต็มบริษัทไปหมด
เด็กและผู้สูงอายุมีแนวโน้มจะเชื่อข่าวเท็จและส่งต่อข่าวเท็จนั้นผ่านเครือข่ายสังคมมากกว่าช่วงอายุอื่น คนกลุ่มทั้งสองจึงเป็นเป้าหมายสำคัญของคนที่อยากปล่อยข่าวเท็จให้ระบาดออกไป ข่าวเท็จจะระบาดน้อยลงได้ถ้าผู้ใหญ่บางคนหยุดกระทำที่แย่ๆ ที่ปรากฏให้เห็นในเครือข่ายสังคม