อัจฉริยะ VS มัลลิกา ศึกหน้ากากอนามัย
ปชป. สั่งตั้งทีมสอบ "ที่ปรึกษา-คณะที่ปรึกษาหญิง" ปมถูกกล่าวหาส่งออก-กักตุนหน้ากาก ควบคู่คณะทำงานกระทรวงพาณิชย์ "มัลลิกา" แถลงยัน 3 ข้อ ปัดล้วงลูกส่งออก ท้า "อัจฉริยะ" เปิดหลักฐาน
ความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่ามีที่ปรึกษารัฐมนตรี เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งออกและกักตุนหน้ากาก ซึ่งต่อมามีการเชื่อมโยงไปที่นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์
วานนี้(18 มี.ค.)นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ชี้แจงถึงการตรวจสอบกรณีดังกล่าวว่า ทางพรรคได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ควบคู่กับกระทรวงพาณิชย์ ยืนยันว่าหาก ส.ส.หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของพรรคกระทำผิดจะต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำ แต่ต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายด้วย ดังนั้น นางมัลลิกาจึงมีสิทธิ์ฟ้องร้องหรือดำเนินคดีต่อผู้กล่าวหา หากนางมัลลิกายืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกักตุนหน้ากากอนามัย
ด้านนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคปชป. เปิดเผยว่า ปชป.ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ทั้ง น.ส.อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ คณะที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ และนางมัลลิกา
น.ส.อรอนงค์ ยืนยันว่า ไม่มีการกักตุน ไม่มีการซื้อขายทำกำไรแต่อย่างใด แต่เป็นการซื้อหน้ากากอนามัยแจกชาวบ้าน มีหลักฐานทุกอย่าง ทั้งใบเสร็จซื้อหน้ากากอนามัยจากร้านค้าในย่านสำเพ็ง โดยไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่คณะที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ ส่วนกรณีนางมัลลิกา ได้ชี้แจงยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้อง 1,000 เปอร์เซ็นต์ กับ 11 โรงงาน ที่ผลิตหน้ากากอนามัยใดๆ ทั้งสิ้น และได้ขอพรรคใช้สิทธิ์ดำเนินคดีกับผู้กล่าวหา
นายอลงกรณ์ ระบุด้วยว่า ในส่วนของพรรค แม้ว่าได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วหากในภายหลังพบข้อเท็จจริงผิดไปจากนี้ ทางพรรคพร้อมใช้มาตรการลงโทษขั้นสูงสุดทุกคนต้องรับผิดชอบ
“หากผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าทำผิด ทางพรรคพร้อมใช้มาตรการลงโทษขั้นสูงสุดต่อสมาชิกพรรค คือ ไล่ออกและดำเนินคดี เพราะพรรคประชาธิปัตย์มีข้อห้าม ส.ส.พรรคหรือผู้มีตำแหน่งทางการเมืองเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ใดๆ หากพบจะมีมาตรการลงโทษรุนแรง คือ ไล่ออกจากพรรค เมื่อผิดก็ว่าไปตามผิด ไม่ปกป้องใคร” นายอลงกรณ์ กล่าว
“มัลลิกา” โต้3ปมเอี่ยวตุนหน้ากาก
ด้านนางมัลลิกา แถลงกรณีดังกล่าวว่า ได้มอบอำนาจให้ทนายความดำเนินคดี 2 ข้อหาต่อนายอัจฉริยะ เกี่ยวกับความผิดเรื่องหมิ่นประมาท หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ หรือความผิดตามกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จากการที่นายอัจฉริยะ กล่าวหาว่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งออกหน้ากากอนามัย โดยการฟ้องร้องครั้งนี้ จะดำเนินคดีถึงที่สุด เพราะเป็นการให้ร้ายผู้ที่ตั้งใจทำงาน โดยไม่มีหลักฐานชัดเจน และที่สำคัญตนไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยตลอดเส้นทางการทำงานการเมืองมา
นางมัลลิกา ระบุว่า สาเหตุที่ไม่ได้ออกมาตอบโต้ตั้งแต่ต้น เนื่องจากนายอัจฉริยะไม่ได้ระบุชื่อใคร แม้แต่ตอนไปยื่นเรื่องต่อรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่หลังรวบรวมแล้วได้มีการพาดพิงถึงที่ปรึกษารัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้หญิง ระบุบุคลิกทำให้คนเชื่อได้ว่าเป็นนางมัลลิกา ประกอบกับที่ปรึกษาซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งของกระทรวงนี้ คือนางมัลลิกา
ดังนั้นเพื่อให้สังคมสิ้นสงสัย จากการกล่าวหาแต่ฝ่ายเดียว กระทบถึงการทำหน้าที่ขอรมว.พาณิชย์ ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ ขอชี้แจงว่า 1. ขอปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องการส่งออกหน้ากากอนามัย หรือกิจการใดของผู้ประกอบการเกี่ยวกับหน้ากากอนามัยทั้งสิ้น 2. ขอปฏิเสธว่าไม่รู้จักไม่มีความสัมพันธ์ ไม่ได้ผูกพัน ไม่ได้ใกล้ชิด ไม่ได้มีมิตรคนใดไปเกี่ยวข้องกับกิจการหน้ากากอนามัยของบริษัทใดทั้งสิ้น
และ 3. ในการทำหน้าที่ ขออนุญาตตามระเบียบราชการนั้น จะมีคณะอนุกรรมการฯที่มีทั้งตัวแทนองค์การอาหารและยา(อย.) ตัวแทนองค์การเภสัช ตัวแทนกรมการค้าภายใน และตัวแทนกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นผู้พิจารณาซึ่งเป็นองค์คณะ ฝ่ายข้าราชการการเมืองไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้
ท้า“อัจฉริยะ”เปิดหลักฐานแฉ
ทั้งนี้ตนยินดีให้ความร่วมมือในการตรวจสอบภาคประชาชนทุกคน แม้แต่นายอัจฉริยะในฐานะภาคประชาชนนั้น เดินหน้าทำการตรวจสอบต่อไป อย่าได้หยุด แต่การตรวจสอบนั้นต้องรวบรวมข้อมูลหลักฐานให้ชัดเจน ก่อนจะกล่าวหาผู้ใด เพราะการใช้คำพูด 2-3 คำให้ร้ายผู้อื่นโดยปราศจากความเป็นธรรมตั้งแต่ต้นเสียแล้วเช่นนี้ เราจะไปหาความเป็นธรรมให้กับประชาชนได้อย่างไร ดังนั้นจึงขอให้นำพยานหลักฐานทุกชนิดเข้าสู่กระบวนการสอบสวนได้เลย
วันเดียววัน นายอัจฉริยะ เลื่อนแจ้งความต่อตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อแจ้งความกลับนางมัลลิกา ในข้อหาแจ้งความเท็จ ที่สน.ทุ่งสองห้อง เป็นวันนี้(19 มี.ค.)
กมธ.ป.ป.ช.เรียก “อัจริยะ” แจงวันนี้
ขณะที่การประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร มีพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ประธานกมธ.ทำหน้าที่ประธานการประชุม
ทั้งนี้ที่ประชุมได้หยิบยกประเด็นสถานการณ์การกักตุนหน้ากากอนามัยมาหารือพร้อมมีมติรับเรื่องดังกล่าวไว้ตรวจสอบ และมอบให้คณะอนุกมธ. ชุดที่2 ที่มีนายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นประธาน ทำหน้าที่ตรวจสอบ
โดยนายธีรัจชัย กล่าวว่า ในวันนี้(19มี.ค.)เวลา13.30น.คณะอนุ กมธ.ชุดที่2 ที่ตนเป็นประธาน ได้เชิญนายอัจฉริยะมาให้ข้อมูลต่ออนุกมธ. หลังยื่นหลักฐานต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ดำเนินการตรวจสอบกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกักตุน และเกี่ยวข้องกับการนำเข้าส่งออกหน้ากากอนามัยจำนวนมาก
จากนั้นในวันที่ 25 มี.ค.นี้ จะเชิญอธิบดีกรมการค้าภายใน อธิบดีกรมศุลกากร และเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน มาสอบถามข้อมูลเรื่องหน้ากากอนามัย และการตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้เกี่ยวข้องการกักตุนหน้ากากอนามัย