'ซีอีโออินเด็กซ์ฯ' ขอพูด..!! โควิดฉุดธุรกิจอีเวนท์อ่วม
การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขยายวงกว้างจากกรุงเทพฯ สู่ต่างจังหวัด โดยตัวเลข “ผู้ป่วยใหม่” ยังคงเป็นกราฟขาขึ้น แม้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามหาทางป้องกันและดึงสติ ให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีความเชื่อมั่น แต่ผลลัพธ์ดูจะสวนทางกับความตั้งใจของรัฐ แพทย์ พยาบาล
เมื่อการสกัดการแพร่ระบาดยังไม่ได้ ผลกระทบจึงตามมามากมาย หนึ่งในนั้นคือ “ธุรกิจอีเวนท์” เพราะเวลานี้ผู้ประกอบการ “หยุด” กิจกรรมทุกอย่าง..!
อีเวนท์ในสายตาภาครัฐอาจมองเป็นปลายแถว แต่มุมเอกชนต้องการนิยามและยกระดับให้รัฐเห็นความสำคัญว่าแท้จริงแล้วขนาดอุตสาหกรรมใหญ่ เพราะการจัดงานทุกอย่างจะมหกรรมกีฬา คอนเสิร์ต โชว์บิส เทรดแฟร์ แคมเปญการตลาด งานแสดงสินค้า งานหนังสือ และอีกมากมายควรตีความเป็น “อีเวนท์” ที่มีมูลค่าหลาย “แสนล้านบาท” หนึ่งในฟันเฟืองขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)
เกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธุรกิจอีเวนท์มีความเปราะบางมาก ผ่านกี่เหตุการณ์ทั้งการเมือง น้ำท่วม โรคระบาด นี่คือกิจกรรมที่ทุกภาคส่วนจะ “ตัดงบ” ยกเลิกการกิจกรรมเป็นลำดับต้นๆ
ขณะที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบใหญ่หลวง หากมองต้นน้ำจนถึงปลายน้ำธุรกิจอีเวนท์มีคนทำงานตลอดห่วงโซ่(ซัพพลายเชน)หลัก “แสนชีวิต” ตั้งแต่ผู้จัดงาน ไปจนถึงช่างไฟ เนื่องจากเวลานี้ “ห้ามจัด” กิจกรรมต่างๆ เพื่อลดการรวมตัวกันของประชาชน ลดการแพร่เชื้อโรค
นอกจากนี้ ช่วงฤดูร้อน ถือเป็นหนึ่งในไฮซีซั่นของการจัดอีเวนท์ แคมเปญการตลาดต่างๆ รวมถึงอีเวนท์บางรายการเกิดขึ้นตามเทศกาลเท่านั้น เช่น สงกรานต์ ต้องยกเลิกไปเลยเพื่อจัดปีหน้า งานสัปดาห์หนังสือที่ต้องปรับไปจัดผ่านออนไลน์จากออนกราวน์ มหกรรมยานยนต์ และการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก โมโตจีพี ฤดูกาล 2020 ซึ่งเป็นการจัดขึ้นทั่วโลก
“จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้การจัดอีเวนท์ช่วงหน้าร้อน หายไปเลย ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้คนตกงานชั่วคราว 5-6 เดือน หากจัดการโรคระบาดไม่ได้อาจยาวถึง 9 เดือนเพราะตอนนี้คนในซัพพลายเชนไม่มีงาน และคนในอุตสาหกรรมอีเวนท์ที่ตกงานจะมีมากถึง 40-50% เป็นการตกงานเหมือนตอนวิกฤติต้มยำกุ้ง แต่ดีกว่าต้มยำกุ้งเพราะเชื่อว่าเหตุการณ์จะไม่ยาวนาน 2-3 ปี”
ทั้งนี้ หากไทยจัดการจำกัดการแพร่ระบาดโรคได้เร็วเหมือนจีน กรณีดีสุดแต่เชื่อว่าไตรมาส 4 จะกลับมาได้ แต่สถานการณ์ยังไม่ปกติ ขณะที่การจัดอีเวนท์เพื่อฟื้นเศรษฐกิจคาดว่าจะเป็นการดึงนักท่องเที่ยว และกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศเท่านั้น ต่างชาติคงยังไม่กลับมา
“กรณีดีสุดหรือ Best case อาจเห็นการฟื้นตัวในไตรมาส 4 และสถานกาณ์กลับสู่ภาวะปกติได้ในไตรมาส 1 ปีหน้า เพราะต้องยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ธุรกิจมโหฬาร”
ส่วนภาพรวมธุรกิจอีเวนท์ปีนี้คาดว่าจะเห็นการ “ติดลบ” มากถึง 60% โดยประเมินว่าปลายปีจะเห็นการฟื้นตัวกลับมาเป็นบวก 30-40% แต่เมื่อรวมผลกระทบทั้งปียังฉุดธุรกิจให้ดิ่งอยู่
ด้านบริษัท อินเด็กซ์ฯ “เกรียงไกร” ประเมินว่า แม้จะมีการปรับตัวในการดำเนินธุรกิจ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเผชิญความท้าทาย และปัจจัยเสี่ยงต่อเนื่อง ทำให้บริษัทกระจายธุรกิจไปยังต่างประเทศมากขึ้นทั้งเมียนมา กัมพูชา ซึ่งงานแสดงสินค้าด้านความงามยังไม่ยกเลิกหรือเลื่อน งานเวิลด์ เอ็กซ์โป 2020 ดูไบ (World Expo 2020 Dubai) ยังเดินหน้าต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทยังลดเวลาในการทำงานลง จาก 5 วัน เหลือเพียง 4 วัน
“เราเตรียมมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เพราะอุตสาหกรรมอีเวนท์อ่อนไหวมาก มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น กิจกรรมต้องหยุดก่อนเลย เราจึงขยายงานไปยังต่างประเทศให้มากขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยง โดยงานในต่างประเทศตอนนี้ยังไม่มีงานไหนยกเลิก”
อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด-19 คลี่คลาย ต้องการให้ภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้มีเงินจับจ่ายใช้สอย ลดความเดือดร้อนและเพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบโดยเร็ว มาตรการด้านภาษีช่วยผู้ประกอบการเพื่อเพิ่มสภาพคล่องและบรรเทาผลกระทบ เป็นต้น