นันยางผนึกฮัมมิ่งเบิร์ด‘ถอดรหัสเด็กไทย’ชี้ช่องพลิกเกม!

นันยางผนึกฮัมมิ่งเบิร์ด‘ถอดรหัสเด็กไทย’ชี้ช่องพลิกเกม!

นันยาง...ทุกก้าวคือตำนาน สร้างตำนานบทใหม่อีกครั้ง! ล่าสุดจับมือ "ฮัมมิ่งเบิร์ด รีเสิร์ช แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง คอนซัลแทนส์" ผู้เชี่ยวชาญด้านการหา insight เพื่อออกแบบกลยุทธ์การตลาด ตั้งรับสถานการณ์ต่างๆ และวิกฤติโควิดในครั้งนี้

“ผู้ใหญ่คิดไม่ถึง! เด็กมองสถานการณ์โควิด-19 คือวัคซีนช่วยกระชับสัมพันธ์ในครอบครัว”  

ช่วงการระบาดของโควิด-19 นั้น พ่อแม่ส่วนใหญ่ต้อง work from home มากขึ้น ซึ่งลูกๆ ไม่ค่อยได้เจอสถานการณ์แบบนี้ ที่พ่อแม่มีเวลาให้เป็นพิเศษ แน่นอนก็ท้าทายพ่อแม่เช่นกันว่าจะทำกิจกรรมอะไรในบ้านดี ทำให้ธุรกิจอาหาร ความบันเทิงในครอบครัว มาแรง!  นับเป็นช่วงเวลาคุณภาพของครอบครัว

นี่คือส่วนหนึ่งของผลวิจัยจาก "นันยาง" ที่ได้จับมือกับ “ฮัมมิ่งเบิร์ด รีเสิร์ช แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง คอนซัลแทนส์” ผู้เชี่ยวชาญด้านการหา insight เพื่อออกแบบกลยุทธ์การตลาด พัฒนาโปรเจควิจัยเฉพาะกิจ “นันยาง X ฮัมมิ่งเบิร์ด Inside Thai Kids”  เจาะลึกแนวคิดของเด็กไทยวัยประถม ที่พร้อมจะนำเสนอวิจัยใหม่ๆ เกี่ยวกับเด็กไทยในทุกไตรมาสตลอดปี 2563 นำร่องด้วยประเัด็น “เด็กไทยคิดยังไงกับ COVID-19” ที่ทำให้เห็นว่า “ทุกวิกฤติย่อมมีโอกาสเสมอ” ที่สำคัญจะเห็นชัดเจนว่าเด็กไทยมีศักยภาพกว่าที่คิด!

จักรพล จันทวิมล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด เล่าถึง insight ที่ได้จากโปรเจคความร่วมมือกับ บังอร สุวรรณมงคล หัวเรือใหญ่ของฮัมมิ่งเบิร์ด ที่ลงสนามเจาะข้อมูลจากทั้งผู้ปกครองและเด็ก นำข้อมูลที่ได้มาเสนอเป็นแนวทางให้แก่สังคมไทยได้รู้จัก “เด็กไทยวันนี้” ว่าเขาคิดเห็นอย่างไร? 

ภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เด็กประถม...มองว่า "รู้สึกน่าเบื่อ มากกว่าน่ากลัว" แม้เด็ก ๆ จะเริ่มติดตามข่าวแบบผู้ใหญ่ แต่ความกลัวนั้นยังไม่มากเท่าผู้ใหญ่ ในมุมเด็กจึงรู้สึกเบื่อมากกว่ารู้สึกกลัว เนื่องจากถูกควบคุมไม่ให้ออกจากบ้านและไม่ได้เจอเพื่อนๆ รวมถึงทำกิจกรรมนอกบ้านอีก 

"เริ่มเห็นคุณค่าของบางสิ่งมากขึ้น" ในวิกฤติชีวิตย่อมมีโอกาสเสมอ ในเวลานี้ก็เช่นกัน สถานการณ์นี้สอนเด็กให้เห็นมุมใหม่ๆ คือ อิสรภาพและการไปโรงเรียนนั้นมีค่ามากขึ้น เนื่องจากหลายคนไม่ได้เจอเพื่อน ไม่ได้ทำกิจกรรมกับคนนอก เริ่มเห็นแล้วว่าโชคดีแต่ไหนเวลาได้ใช้ชีวิตในโรงเรียนและสนุกกับเพื่อนๆ เปิดเทอมนี้ครั้งนี้จึงน่าจะเป็นสิ่งที่เด็กๆ รอคอยมากกว่าปกติ

"ดูหนัง เล่นเกมส์ จนเบื่อแล้ว"  ทีวี หรือ Content streaming ต่างๆ เวลานี้เป็นตัวช่วยหลักของครอบครัว เด็กมีเวลาดูสื่อเหล่านี้มากขึ้น เรียกว่าไล่ดูจนเริ่มหมด และเกมส์ก็เป็นอีกทางเลือกในการฆ่าเวลา ดังนั้นความท้าทายของครอบครัวคือ จะให้เด็กๆ จัดสรรเวลาเหล่านี้ให้พอดีอย่างได้อย่างไร ทั้งเล่น ทั้งเรียนรู้ และ สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว 

ดังนั้นในเชิงครอบครัวสามารถใช้ห้วงเวลาที่ยากลำบากนี้เป็นพลังบวก! สร้างเวลาที่มีคุณภาพกับเด็กให้มากที่สุด อย่าปล่อยให้เด็กตามล่าความฝันคนเดียว เพราะจริงๆ แล้ว เขาต้องการพ่อแม่มาช่วยดูแลด้วย

สำหรับ ธุรกิจต้องปรับตัวอย่างไร? ถึงจะมัดใจเด็กในช่วงโควิด-19

จังหวะนี้ คือ นาทีทองของ “สินค้าและบริการที่มาพร้อมโซลูชั่น” เพราะการช่วยแก้ปัญหาที่เด็กและพ่อแม่คับข้องใจและช่วยแก้ไขให้สถานการณ์ในช่วงนี้ดีขึ้นได้คือทางสู่ความสำเร็จนั่นเอง!!

การสร้างความบันเทิงหรือกิจกรรมในบ้านเพื่อสมาชิกในครอบครัว คือ สิ่งที่ทุกครอบครัวมองหาหลังจากมีนโยบายทำงานที่บ้านและไม่ให้ออกนอกบ้านโดยไม่จำเป็น

ธุรกิจเกี่ยวข้องโดยตรงนี่คือโอกาสที่ดีเลย เช่น content boardgame online game เครื่องออกกำลังกายแบบที่เล่นได้ในครอบครัว ของเล่นหรืออุปกรณ์ที่สร้างกิจกรรมให้เด็กๆ เป็นต้น

ถึงแม้บางแบรนด์จะไม่เกี่ยวข้องโดยตรง แต่ยังมีโอกาสสำหรับแบรนด์อยู่เสมอ โดยต้องคิดว่าแบรนด์มีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาด้านนี้ได้อย่างไร เช่น แบรนด์ของอาหารยี่ห้อหนึ่ง สร้าง content ให้ครอบครัวสั่งอาหารแบบ half-cook ไปปรุงกันเองในบ้าน เพื่อสร้างความสนุกในครอบครัวและเป็นกิจกรรมให้เด็กๆ

การดูแลสุขภาพ ตอนนี้ยอดสั่งซื้อพวกผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคทุกรูปแบบ หรือ บริษัททำความสะอาดที่เน้นการฆ่าเชื้อโรค รวมถึง อาการเสริม วิตามิน รวมถึงการออกกำลังกายของค่ายต่างๆที่ปรับตัวมาอยู่ที่ออนไลน์มากขึ้น ดังนั้นต้องตั้งคำถามว่าแบรนด์เรามีส่วนช่วยในด้านสุขภาพได้อย่างไรบ้าง?

"หากธุรกิจของคุณยังคงเป็นที่ต้องการแต่คนออกจากบ้านไม่ได้ ดังนั้นแบรนด์ต้องปรับตัวในการทำงาน เช่น ร้านตัดผมที่มีการตัดผมแบบดีลิเวอรี หรือร้านต่างๆ เข้าสู่ระบบออนไลน์มากขึ้น แม้แต่ธุรกิจดีลิเวอรีเองก็มีนโยบาย social distance เพื่อให้คนทำงานได้ทำงานแบบปลอดภัยและดูแลลูกค้าได้"

จักรพล ย้ำว่า วิจัยครั้งนี้จะทำให้เราทุกคนได้เข้าใจถึงความคิดของเด็กไทยมากยิ่งขึ้น และ รู้ว่าเด็กไทยมีศักยภาพมากกว่าที่เราคิด!!

เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ชีวิตของเด็กสมัยนี้มีมุมที่เปลี่ยนไปเช่นกัน เพราะเด็กประถมที่เป็น Gen Z โตมาพร้อมเทคโนโลยี และความท้าทายทางสังคมทั้งด้านบวกและลบ

จากการเจาะลึกกับกลุ่มเป้าหมายนี้ ได้พบอินไซท์ที่น่าสนใจ ดังนี้ 

ทุกวิกฤติมีโอกาสเสมอ ใช้เวลานี้แสวงหาไอเดียใหม่ๆ และปรับตัว เพื่อเตรียมพร้อม! ก้าวสู่ความสำเร็จไปด้วยกัน กับ "นันยาง" ทุกก้าวคือตำนาน!