ดีเอสไอปูพรมค้น 'ลิสซิ่งใหญ่' ปล่อยกู้ดอกเบี้ยสูง

ดีเอสไอปูพรมค้น 'ลิสซิ่งใหญ่' ปล่อยกู้ดอกเบี้ยสูง

ดีเอสไอลุยค้น "เมืองไทยแคปิตอล 3 จุด” หาพยานหลักฐาน หลังลูกค้าร้องเรียนปล่อยกู้คิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด


กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ รายงานว่า เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2563 คณะพนักงานสืบสวนกองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน นำโดย พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ ผู้อำนวยการกองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน ได้เข้าตรวจค้นสถานที่เป้าหมาย จำนวน 3 แห่ง ตามหมายค้นศาลอาญา เลขที่ 212/2563, เลขที่ 213/2563 และเลขที่ 214/2563 ลงวันที่ 19 มีนาคม 2563 ประกอบด้วย
บริษัท เมืองไทยแคปปิตอล จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ ถนนจรัญสนิทวงศ์ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร ศูนย์ประมูลรถบริษัทเมืองไทยแคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ตำบลบ้านสิงห์ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี และศูนย์ประมูลรถบริษัทเมืองไทยแคปปิตอล จำกัด (มหาชน) อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี


ผลการตรวจค้น พบสิ่งของที่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีอาญา ในความผิดฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา ตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2560 เช่น ข้อมูลสัญญาการกู้ยืมเงินของลูกหนี้บริษัทดังกล่าว เอกสารเกี่ยวกับการประมูลรถยนต์จักรยานยนต์ และเอกสารประกอบอื่นๆจำนวนมาก ทั้งนี้หากเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดที่เป็นคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษจะดำเนินการรับเป็นคดีพิเศษต่อไป

กรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากดีเอสไอได้รับการร้องขอจากผู้เสียหายจำนวนมาก ซึ่งเป็นผู้กู้เงินจาก บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ขอให้ตรวจสอบและดำเนินคดีกับ บริษัทดังกล่าว โดยกล่าวหาว่า มีการปล่อยเงินกู้ให้ผู้เสียหายโดยมีการทำสัญญาคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และใช้หลักทรัพย์เป็นทะเบียนรถจักรยานยนต์ หรือ รถยนต์เป็นหลักประกัน ซึ่งกระทำการผ่านสาขากว่า 4,000 สาขา ของกลุ่มบริษัททั่วประเทศ หากลูกค้าผิดนัดชำระ หรือ ไม่สามารถชำระหนี้สินตามสัญญาเงินกู้พร้อมดอกเบี้ยได้ บริษัทจะทำการยึดรถหลักประกันที่ได้ระบุไว้ในสัญญามาขายทอดตลาดผ่านการประมูลที่ลานประมูลต่างๆทั่วประเทศในหลายพื้นที่ จึงเชื่อได้ว่าอาจจะมีผู้เสียหายในลักษณะดังกล่าวอีกเป็นจำนวนมาก


โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับไว้สืบสวนเป็นเรื่องสืบสวนที่ 44/2563 และ พันตำรวจโท ปกรณ์ สุชีวกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สั่งการให้คณะพนักงานสืบสวนแสวงหาหลักฐานในกรณีดังกล่าว

158574028791

ขณะที่ “ฐานเศรษฐกิจ” รายงานคำให้สัภาษณ์ของนายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเมืองไทยแคปปิตอล กรณีที่พนักงานสอบสวน ดีเอสไอ นำชุดเฉพาะกิจเข้าตรวจค้นสถานที่เป้าหมาย 3 แห่งดังกล่าวว่า ประเด็นดังกล่าว เกิดจากบริษัทดำเนินธุรกิจปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียน ซึ่งมีลูกค้า 40 ราย ได้ร้องเรียนกับทางดีเอสไอไปก่อนหน้าว่ บริษัทคิดอัตราดอกเบี้ย เกินจากที่กฎหมายกำหนด ซึ่งทางพนักงานสอบสวนดีเอสไอจึงขอความร่วมมือเพื่อดูข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร


"ผมก็ได้ชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ว่า การดำเนินธุรกิจของผม เกี่ยวกับเรื่องสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็น สินทรัพย์เป็นหลักประกัน ซึ่งกฎหมาย กำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 28% แต่คิดดอกเบี้ยจริงในอัตรา 20% ต่อปี แต่หากเป็นกฎหมายแพ่งและพาณิชย์จะคิดอัตราดอกเบี้ยที่ 15%”


สำหรับข้อร้องเรียนที่ 2 ว่า บริษัทนำรถจักรยานยนต์หรือรถยนต์ไปจำหน่ายนั้น ส่วนตัวได้ชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ว่า บริษัทดำเนินการตามขั้นตอนและกระบวนการของกฎหมาย คือ กรณีที่ลูกค้า ไม่ผ่อนชำระทางบริษัทก็จะดำเนินการยึดทรัพย์ หรือในรายที่ผ่อนชำระ ไม่ไหว ลูกค้าบางรายก็จะนำรถมาคืน


โดยภายหลังการยึดทรัพย์สินหรือการนำรถมาคืนนั้น บริษัทจะเปิดโอกาสให้ลูกค้า เป็นระยะเวลา 4 เดือน เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อคืนได้ แต่เมื่อเลยระยะเวลาที่กำหนดถ้าลูกค้าไม่ติดต่อเข้ามา บริษัทก็จะต้องนำทรัพย์สินซึ่งเป็นหลักประกันดังกล่าวขายทอดตลาดตามกระบวนการของกฎหมาย


"ปัจจุบันบริษัทยังไม่ได้ถูกแจ้งความดำเนินคดี และจากเอกสาร และคำชี้แจงเชื่อมั่นว่า บริษัทไม่ได้ทำผิดกฎหมายแต่มีความพยายามที่จะร้องเรียนบริษัท เพราะถ้าเข้าข่ายก็จะเป็นคดีอาญา”