หุ้น‘กลุ่มเดินเรือ’ชนซิลลิ่ง รับตลาดจีนฟื้นเริ่มนำเข้า
หุ้น “กลุ่มเดินเรือ” พุ่งชนเพดาน หลังจีนเริ่มกลับมาเดินหน้าผลิต พร้อมนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค หนุนดัชนีค่าระวางเรือบวกเกือบ 15% นักวิเคราะห์คาดราคาขึ้นต่ออีกระยะ
ความเคลื่อนไหวของหุ้นกลุ่มเดินเรือ วานนี้ (1 เม.ย.) ต่างปรับตัวขึ้นกันได้ถ้วนหน้า ทั้ง บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) ปิดที่ 2.22 บาท เพิ่มขึ้น 14.43% ซึ่งเป็นราคาเพดานของวัน บมจ.พรีเชียส ชิพปิ้ง (PSL) ปิดที่ 2.88 บาท เพิ่มขึ้น 13.39% และ บมจ.จุฑานาวี (JUTHA) ปิดที่ 0.27 บาท เพิ่มขึ้น 12.50%
นายสุนทร ทองทิพย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า การฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเดินเรือ โดยหลักเป็นผลจากการที่ดัชนีภาคการผลิต (PMI) ของจีนฟื้นตัวกลับมาอยู่ที่ 52 จุด (ถ้าดัชนี PMI สูงกว่า 50 จะเป็นสัญญาณเชิงบวก) ทำให้ดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 626 จุด เพิ่มขึ้น 78 จุด หรือ 14.23% จากวันก่อนหน้า สูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์
“นอกจากการเริ่มกลับมาผลิตของจีนแล้ว โดยหลักกลุ่มเดินเรือยังได้แรงหนุนจากการนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์เพิ่มมากขึ้น หลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศจีนลดลงอย่างมาก ในขณะที่สต็อกของสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นก็ลดลงไปมากจากช่วงก่อนหน้านี้ โดยรวมจึงคาดว่าหุ้นในกลุ่มนี้จะยังคงวิ่งขึ้นได้ต่อเนื่องอีกสักระยะ เพราะเมื่อมีดีมานด์เข้ามา ก็มักจะมาอย่างต่อเนื่อง”
ขณะเดียวกันหุ้นในกลุ่มนี้ปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมาก ตามทิศทางของค่าระวางเรือซึ่งลดลงไปต่ำกว่า 500 จุด ในช่วงก่อนหน้านี้ แต่สิ่งที่ต้องติดตามคือ สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศอื่นๆ ในช่วง 1 เดือนถัดจากนี้ หากสถานการณ์โดยรวมยังไม่ดีขึ้น การค้าขายระหว่างประเทศก็จะยังคงซบเซาต่อไป ขณะที่การนำเข้าจากจีนจะแค่ให้เพียงพอต่อการบริโภคในประเทศเท่านั้น
ด้าน บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า กลุ่มเดินเรือยังมีโอกาสที่จะได้แรงบวกจากเขื่อนกักเก็บหางแร่ที่บราซิลพังเมื่อปีก่อน สงครามการค้าสหรัฐ-จีนผ่อนคลายลง และผลจาก IMO2020 แต่ต้องติดตามการฟื้นตัวของค่าระวางหลังตรุษจีนว่าจะกลับมาได้เร็วเพียงใด ในขณะที่ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจโลกมีเพิ่มขึ้นจากโรคดังกล่าว
โดยรวมยังคาดทั้งปี 2563 PSL จะมีกำไร 150 ล้านบาท แต่ปรับลดการอิง P/BV (เฉลี่ย 5 ปี) เป็น 0.85 เท่า จากเดิม 1.1 เท่า เนื่องจากปัจจัยโรคปอดอักเสบที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจโลก ที่อาจต้องปรับประมาณการในอนาคต ราคาพื้นฐานปรับเป็น 7 บาท ยังคงแนะนำ “ซื้อ”
ส่วนผลประกอบการในปี 2562 ที่ผ่านมา TTA มีกำไรสุทธิ 562.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 167% จากปีก่อน ส่วน PSLขาดทุนสุทธิ 228.49 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 456.20 ล้านบาท ขณะที่ JUTHA ขาดทุนสุทธิ 48.52 ล้านบาท ขาดทุนลดลงจากปีก่อนหน้าที่ขาดทุนสุทธิ 60.96 ล้านบาท