ตรวจเข้ม! ห้ามเข้า-ออกจังหวัดเชียงราย ตลอด 24 ชั่วโมง

เมื่อเช้าวันนี้ (2 เม.ย.) พล.ต.ต.ยุทธชัย พัวประเสริฐ ผบก.ภ.จว.เชียงราย ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ประจำด่านตรวจหรือจุดสกัดดูแลการเดินทางเข้าพื้นที่ จ.เชียงราย พร้อมคณะนายตำรวจฝ่ายอำนวยการ ที่บริเวณด่านปูแกง ต.พาน อ.พาน ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อของ อ.พาน กับ อ.แม่ใจ จ.พะเยา เพื่อติดตามและตรวจความเรียบร้อยในการป้องกันและควบคุมตามมาตรการด้านการเดินทางผ่านเข้าออกพื้นที่ จ.เชียงราย เป็นการจัดระเบียบการเดินทาง การคมนาคมขนส่ง และการจราจร ตลอดทั้ง เพื่อสนองตอบมาตรการตามคำสั่งของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงราย และประกาศด้วยการเฝ้าระวัง หรือสังเกตผู้เดินทางและพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดต่อโรค พร้อมใช้มาตรการคุมเข้มตามกระบวนการสาธารณสุข กับผู้เดินทางข้ามพื้นที่ รวมทั้งสกัดบุคคลที่ต้องสงสัยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค เพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อของโรคระบาดจากเชื้อไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้่ ตำรวจ ภ.จว.เชียงราย ได้จัดกำลังเข้าบูรณาการร่วมกับฝ่ายปกครอง โดยที่ทำการปกครองจังหวัดเชียงราย และอำเภอ ส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมกับทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อสม. ในเขตพื้นที่ ตามประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงราย ฉบับที่ 11 เรื่องมาตรการป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19

โดยการตั้งด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจการเดินทางเข้าพื้นที่จังหวัด เพื่อร่วมจัดระเบียบการเดินทางและการจราจร รวมทั้งเฝ้าระวังบุคคลกลุ่มเสี่ยงด้วยการสังเกตลักษณะอาการเบื้องต้น เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป ซึ่งจังหวัดเชียงรายได้กำหนดไว้ 4 จุด ได้แก่ด่านปูแกง รอยต่อ อ.พาน ด่านเทิง รอยต่อจ.พะเยา ด่านกิ่วสะไต รอยต่อ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และด่านเวียงป่าเป้า รอยต่อ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ และยังรวมถึงจุดตรวจที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย กับที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงราย แห่งที่ 2 อีกด้วย

สำหรับจุดตรวจทุกแห่ง จะดำเนินการเรียกตรวจยานพาหนะและประชาชนที่เดินทางเข้ามาใน จ.เชียงรายตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจะไม่อนุญาตให้บุคคลดังต่อไปนี้เข้าพื้นที่ จ.เชียงรายโดยเด็ดขาด ได้แก่ 1.ผู้ที่ไม่สามารถแสดงเหตุผลความจำเป็นในการเข้าพื้นที่ จ.เชียงราย 2.ผู้ที่ไม่สวมหน้ากากอนามัย 3.ผู้ที่ไม่ยินยอมให้ทำการคัดกรอง หรือไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการตรวจควบคุมโรค

โดยเจ้าหน้าที่จะตรวจวัดอุณหภูมิทุกราย พร้อมเก็บบันทึกข้อมูลผู้เดินทางพร้อมประวัติ โดยเมื่อพบผู้เป็น หรือมีเหตุสงสัยว่าเป็นโรคติดเชื้อจากไวรัสโควิด-19 หรือพบผู้มีอาการไข้ หรือมีอาการของระบบทางเดินหายใจ จะแยกกักกันหรือคุมตัวไว้สังเกตอาการ และแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่นำส่งโรงพยาบาลในพื้นที่ใกล้เคียง

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับเจ้าหน้าที่จะมีหน้าที่ในการให้คำแนะนำแก่ผู้เดินทางในการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่วนรถขนส่งสินค้าให้เข้า-ออก พื้นที่ได้ตามปกติ แต่ต้องมีการคัดกรองตามมาตรการอย่างเข้มงวดทั้งก่อนเข้าและเดินทางกลับออกนอกพื้นที่อีก