‘ทียู’เลื่อนไอพีโอบริษัทลูก ไร้ผลกระทบ‘ฐานะการเงิน’
"ไทยยูเนี่ยน" เผยฐานะการเงินแข็งแกร่ง แม้ธุรกิจได้รับผลกระทบโควิด-19 ระบาด พร้อมเลื่อนนำบริษัทย่อย”ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์"เข้าตลาดหลักทรัพย์ เหตุภาวะไม่เอื้อ ไม่จำเป็นต้องเร่ง
นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) เปิดเผยว่า ฐานะทางการเงินของบริษัทยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แม้จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ซึ่งบริษัทพร้อมใช้มาตรการที่จำเป็นทั้งหมด เพื่อให้ธุรกิจของบริษัทสามารถดำเนินงานต่อไปได้
สำหรับภาพรวมธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา แต่ละธุรกิจได้รับผลกระทบที่แตกต่างกัน โดยธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูป เติบโตเกินกว่าป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์พร้อมทานและผลิตภัณฑ์พร้อมปรุง เนื่องจากมีความต้องการเพิ่มขึ้น เห็นได้จากยอดขายต่อสัปดาห์ในบางประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 50-60%
ขณะที่ ธุรกิจจัดส่งและค้าปลีก อยู่ระหว่างเตรียมพร้อมสำหรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น เพราะประชาชนส่วนใหญ่ทำงานที่บ้าน ส่วนธุรกิจแช่แข็ง อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม และอุตสาหกรรมโรงแรมได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยประเมินว่าจะปรับตัวลดลงน้อยกว่าเป้าหมายที่วางไว้ประมาณ 25-30%
ทั้งนี้ บริษัทยังคงเดินเครื่องผลิตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่โรงงานบางแห่งได้มีการเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นด้วย ส่วนมาตรการปิดเมืองในหลายประเทศ มองว่าจะไม่ทำให้การผลิตหรือขนส่งของไทยหยุดชะงักอย่างมีนัยสำคัญ
ด้านนายบัลลังก์ ไวยานนท์ ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป ดูแลด้านนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU)กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 1ปี2563 ธุรกิจอาหารกระป๋อง มียอดขายเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ เพราะโควิด-19 ระบาด ทำให้มีความต้องการซื้อเพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจอาหารแช่แข็ง (Frozen seafood) ได้รับผลกระทบจากธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารหยุดดำเนินกิจการในช่วงนี้ โดยบริษัทยังไม่สามารถเปิดเผยแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส1ปีนี้ได้ เพราะอยู่ในช่วงของการปิดงบการเงิน
ทั้งนี้ยอดขายในร้านค้าปลีก เช่น บิ๊กซี, ท็อป ซูเปอร์มาร์เก็ต และแม็คโคร ฯลฯ ทำให้ลดผลกระทบที่เกิดขึ้นได้บ้าง ส่วนธุรกิจร้านอาหาร Red Lobster ก็ได้รับผลระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว โดยได้มีการปิดสาขาในแต่ละประเทศไปแล้ว ขณะที่ค่าเงินบาทในเดือนมี.ค.2563 อ่อนค่าอยู่ที่ 31.00 บาทต่อดอลลาร์ ส่งผลดีต่อผู้ส่งออกรวมถึงบริษัทเช่นกัน
ส่วนแผนการนำบริษัทย่อย คือบมจ.ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ (TFM) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นั้น บริษัทได้มีการเลื่อนออกไปก่อน เพราะภาวะตลาดหุ้นไทยผันผวนสูง และบริษัท ก็ไม่ได้มีความจำเป็นเร่งด่วนในการนำบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย เนื่องจากบริษัท มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งมาก และยังมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ในระดับต่ำ หรืออยู่ที่ 1.07 เท่า