ธปท.เปิด 'ทางด่วนแก้หนี้' หวังแบงก์ 'ลดดอกเบี้ย' กลุ่มกระทบหนัก
ธปท.รุกเปิด “ทางด่วนแก้หนี้” เป็นตัวกลางประสานแบงก์-ลูกหนี้ ไกลเกลี่ยแนวทางแก้ไขหนี้ช่วงโควิดระบาด ย้ำแบงก์ต้องรายงานเหตุผลที่ช่วยลูกหนี้ไม่ได้ เผยคาดหวังเห็นแบงก์ลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม ให้กลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนัก สั่งห้ามเรียกค่าหัวคิวสินเชื่อซอฟท์โลน
นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำหรือซอฟท์โลนวงเงิน5 แสนล้านบาทนั้น ธปท.ได้ย้ำกับสถาบันการเงินให้เข้าไปช่วยเหลืออย่างลูกหนี้เอสเอ็มอีอย่างเร่งด่วน เพื่อเสริมสภาพคล่องจ่ายเงินเดือนให้พนักงาน หรือจ่ายหนี้ทางการค้า ดังนั้นเอกสารหลักฐานต่างๆ ไม่ควรขอจากลูกหนี้มากเกินควร เพราะสถาบันการเงินแต่ละแห่งรู้จักและมีประวัติลูกหนี้ดีอยู่แล้ว
ส่วนกรณี ที่มีข่าวว่ามีการเรียกเก็บดอกเบี้ยเกิน 2% นั้น ถือเป็นการกระทำผิดอย่างชัดเจน เพราะตามประกาศของธปท.ระบุว่า การเบิกซอฟท์โลนต้องไม่มีค่าธรรมเนียม หรือค่าหัวคิวใดๆกับลูกหนี้ หากพบการเรียกเก็บดอกเบี้ยเพิ่มเติม สามารถร้องเรียนมาทาง 1213 ธปท.ได้ตลอดเวลา ขณะที่ธปท.ได้ให้สถาบันการเงินรายงานความคืบหน้าการทำมาตรการต่างๆของธนาคารให้ธปท.รับทราบอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ธปท.คาดหวังว่าแต่ละสถาบันการเงินจะมีมาตรกรช่วยลูกหนี้เพิ่มเติม นอกเหนือจากมาตรการขั้นต่ำที่ธปท.ออกมาก่อนหน้านี้ เช่น ลดดอกเบี้ยให้ หากพบว่าลูกหนี้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม การออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ ขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบันการเงิน เพราะสถาบันการเงินแต่ละแห่งมีภาระ มีสภาพคล่องที่ต้องดูแล จากการนำเงินฝากของประชาชนมาปล่อยกู้ ทำให้มีต้นทุนที่ต้องบริหารจัดการด้วย
ด้านนางธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธปท. เปิดเผยว่า ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางเงิน (ศคง.) ธปท.ได้เปิดช่องทาง “ทางด่วนแก้หนี้” เพื่อเป็นช่องทางเสริมสำหรับประชาชนและธุรกิจที่ต้องการความช่วยเหลือ เนื่องจากในช่วงที่มีมาตรการเว้นระยะทางสังคม อาจทำให้ลูกหนี้ไม่สามารถติดต่อสถาบันการเงินได้ เนื่องจากมีคนติดต่อเข้าไปจำนวนมาก หรือไม่สามารถหาข้อยุติร่วมกันได้
ทั้งนี้ข้อมูลที่ได้รับผ่านช่องทางนี้จะถูกส่งต่อไปยังสถาบันการเงิน การพิจารณาจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแต่แห่ง แต่กรณีที่ไม่สามารถรับข้อเสนอของลูกหนี้ได้ ขอให้ระบุเหตุผลเพื่อแบงก์ชาติจะเข้าไปดูว่ามีอะไรที่พอจะทำได้บ้างที่จะไกล่เกลี่ยให้ทั้งสองฝ่ายหาข้อยุติร่วมกัน และเดินต่อไปด้วยกันได้ อย่างไรก็ตามขอให้ลูกหนี้ติดต่อสถาบันการเงินก่อนเป็นอันดับแรก
"แบงก์ชาติจับชีพจรความเดือดร้อนของประชาชนและภาคธุรกิจภายใต้วิกฤติโควิดอย่างใกล้ชิด โดยให้ Call center ของศคง. หรือ โทร. 1213 ทั้ง 4 ภาค เป็นกองหน้ารับปัญหา เพื่อประเมินว่าสถาบันการเงินกับลูกหนี้คุยกันได้หรือไม่ มีปัญหาจุดใดบ้างที่ต้องเร่งแก้ไข ซึ่งถ้าเกี่ยวกับสถาบันการเงินที่ธปท. กำกับดูแลโดยตรง การแก้ไขจะง่ายและเร็ว และถึงแม้เรื่องนั้นไม่อยู่ในกำกับแบงก์ชาติยินดีเป็นตัวกลางประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขต่อไป"