กองทัพบก เลื่อนซื้อยานเกราะ เป็นปีงบฯ 64-65
ทบ. เลื่อนการจัดซื้อยานเกราะ Stryker เป็นปีงบประมาณ 2564-65 ส่วนเอกสารที่มีการเผยแพร่ เป็นไปตามระเบียบ เผยตัดงบฯ 30% คืนคลังช่วยรัฐบาล แก้ปัญหาโควิด-19
กรณีการเผยแพร่เอกสารของกรมสรรพาวุธ เกี่ยวกับการเดินหน้าโครงการจัดซื้อรถยานเกราะสไตร์เกอร์ ติดอาวุธ 50 คัน ด้วยงบประมาณกว่า 4,500 ล้านบาท โดยเป็นการจัดซื้อตามโครงการความช่วยเหลือทางการทหาร Foreign Military Sales หรือ FMS จากสหรัฐอเมริกา
ท่ามกลางเสียงวิพากวิจารณ์ ภายหลัง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอให้กองทัพตัดงบประมาณ ปี 2563 เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนจากผลกระทบโควิด-19
ล่าสุด แหล่งข่าวจากกองทัพบก ให้ข้อมูลว่า พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้ตัดงบประมาณปี 2563 ของกองทัพบกแล้วกว่า 30% ตามที่รัฐบาลสั่งการให้นำเงินคืนคลัง และชะลอโครงการจัดหายุทโธปกรณ์ไปหลายโครงการ โดยเฉพาะการจัดซื้อรถยานเกราะสไตร์เกอร์ ที่เดิมเป็นโครงการในปีงบประมาณ 2563 ไปเป็นโครงการของปีงบประมาณปี 2564-2565 ส่วนประกาศกรมสรรพาวุธที่ออกมานั้น เป็นเพียงแผนการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบของปี 2563 ไม่ใช่การใช้งบฯปี 2563
สำหรับเหตุผลที่ไม่สามารถยกเลิก โครงการจัดซื้อรถเกราะล้อยาง Stryker จำนวน 50 คันได้นั้น แหล่งข่าวกองทัพบก บอกว่า เพราะเป็นโครงการต่อเนื่องและเป็นการจัดซื้อระบบ FMS เป็นไปตามความช่วยเหลือทางทหารกับสหรัฐอเมริกา ที่เข้าสภาคองเกรสของสหรัฐเรียบร้อยแล้ว โดยจัดซื้อรถเกราะ Stryker 50 คัน แต่ทางสหรัฐฯ ให้เพิ่มอีก 30 คัน ในฐานะที่มีสัมพันธ์อันดีทางทหารมายาวนาน ถ้ารวมทั้งโครงการ กองทัพบกจะได้รถเกราะกว่า 130 คัน และยังได้รับการช่วยเหลือทั้ง รถเกราะ , รถติดปืน ค.120 มิลลิเมตร , รถพยาบาล , รถผู้บังคับบัญชา และรถลาดตระเวน จึงต้องเดินหน้าโครงการต่อ อีกทั้งโครงการนี้ผ่านการอนุมัติจาก ครม. ไปแล้ว ดังนั้น ขอยืนยันว่าโครงการจัดซื้อรถเกราะเป็นไปอย่างโปร่งใสและดีที่สุด และเป็นไปเพราะความสัมพันธ์อันดีระหว่างกองทัพไทยกับสหรัฐฯ