'ภาษีโคโรนา' ไม้เด็ดอินเดีย สกัดฝูงชนแห่ซื้อเหล้า
ภาพผู้คนไปแห่ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กันแน่นขนัดจนลืมคิดเรื่องการเว้นระยะห่างทางสังคมไม่ได้มีที่ไทยที่เดียว ที่อินเดียก็มีเหมือนกัน แต่ทางการก็มีวิธีการป้องกันแบบหาเงินเข้ารัฐได้อย่างน่าทึ่ง!
ว่ากันว่าภาษีแอลกอฮอล์เป็นแหล่งรายได้หลักของหลายรัฐในอินเดีย ที่ตอนนี้ตกอยู่ในสภาพขาดรายได้เนื่องจากไวรัสโคโรนาระบาดจนต้องล็อกดาวน์ประเทศ ที่ถือเป็นการปิดเมืองครั้งใหญ่สุดของโลก กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงักรายได้จึงหดหายไปด้วย
อินเดียกำหนดปิดเมืองไปจนถึงวันที่ 17 พ.ค.แต่เริ่มผ่อนคลายเมื่อวันจันทร์ (4 พ.ค.) ที่ผ่านมา ร้านจำหน่ายสุราเพิ่งเปิดให้บริการได้เป็นครั้งแรก ผู้คนหลายร้อยคนจึงแห่กันไปกลุ้มรุมกันที่หน้าร้านแบบไม่สน social distancing ตำรวจต้องใช้กระบองเข้าจัดการฝูงชนตามระเบียบ
งานนี้รัฐบาลรัฐเดลีเลยต้องประกาศเก็บ “ค่าธรรมเนียมโคโรนาพิเศษ” ตามด้วยคำขู่ของอาร์วินด์ เกชริวัล มุขมนตรีรัฐเดลี
“น่าเสียดายที่เกิดเหตุวุ่นวายหน้าร้านค้าหลายร้านในเดลี ถ้าเราทราบว่ามีการฝ่าฝืนไม่รักษาระยะห่างทางสังคมและมาตรฐานอื่นๆ ในที่ดีอีก เราจะปิดพื้นที่และยกเลิกการผ่อนคลายล็อกดาวน์ทันที”
รัฐอื่นๆ ก็เกิดเหตุทำนองเดียวกัน เช่น ที่รัฐอันตระประเทศ ประชาชนไม่สนมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ไปยืนเข้าคิวที่หน้าร้านขายสุรากันหลายร้อยคนแม้ว่าราคาจะสูงขึ้นก็ตาม
ที่ต้องขึ้นราคาด้วยการเก็บค่าธรรมเนียมโคโรนาก็เพราะยอดผู้ติดเชื้อในอินเดียยังพุ่งไม่หยุด ตัวเลขเมื่อเวลา 11.00 น. ตามเวลาประเทศไทยวานนี้ (6 พ.ค.) จากเว็บไซต์ worldometers อินเดียมีผู้ติดเชื้อ 49,400 คน ผู้ติดเชื้อใหม่ 2,680 คน เสียชีวิตรวม 1,693 คน โดยเมื่อวันอังคาร (5 พ.ค.) ยอดผู้ติดเชื้อใหม่สูงเป็นประวัติการณ์ 3,900 คน
ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขกล่าวว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันที่เพิ่มขึ้นชี้ว่าอินเดียยังคงเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด แม้ว่ารัฐบาลสั่งล็อกดาวน์เด็ดขาดเพื่อสกัดพลเมือง 1.3 พันล้านคนให้อยู่แต่ในบ้านมาตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค. การขนส่งสาธารณะปิดให้บริการทั้งหมด กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดนิ่งจนแทบไม่เคลื่อนไหวเลย แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อก็ยังเพิ่ม
“เส้นกราฟไม่มีทีท่าลดลงซะที พวกเรากังวลเรื่องนี้มาก” นายแพทย์รันทีป กุเลเรีย ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์มวลอินเดียในกรุงนิวเดลีกล่าว
สัปดาห์ที่ผ่านมาค่าเฉลี่ยผู้ติดเชื้อรายวันของอินเดียเพิ่มขึ้นในระดับ 6.1 เป็นรองแค่รัสเซียกับบราซิล แต่ก็ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอังกฤษ สหรัฐ และอิตาลี
รัฐที่ยอดพุ่งสุดคือมหาราษฏระทางตะวันตกของประเทศ ที่ตั้งของมุมไบ ศูนย์กลางการพาณิชย์แห่งอินเดีย รวมทั้งรัฐคุชราตและเดลี เมืองที่มีประชากรหนาแน่นในรัฐเหล่านี้ อาศัยพลังของมวลมหาแรงงานย้ายถิ่นเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจอินเดีย การล็อกดาวน์จึงส่งผลกระทบต่อแรงงานรายได้น้อยต่อเนื่องไปถึงเศรษฐกิจประเทศ แต่รัฐบาลก็ชี้แจงว่า การล็อกดาวน์ช่วยหน่วงการติดเชื้อไม่ให้พุ่งมากจนระบบสาธารณสุขรับไม่ไหว
ลัฟ อการ์วัล รัฐมนตรีร่วมกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตอนเริ่มล็อกดาวน์ใหม่ๆ จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 2 เท่าทุกๆ 3.4 วัน แต่ตอนนี้ยืดไปเป็นทุกๆ 12 วันแล้ว
“การล็อกดาวน์และสกัดผู้คนได้ผลจริง ความท้าทายตอนนี้จึงอยู่ที่ลดอัตราการเพิ่มของจำนวนผู้ติดเชื้อ” รัฐมนตรีกล่าวทิ้งท้าย