กูรูคาดราคา 'บิทคอยน์' พุ่งเท่าตัว หลัง 'ฮาล์ฟวิ่ง'
"กูรู" คาดราคา "บิทคอยน์" ปรับขึ้นเท่าตัว หลังลดการขุดเหรียญลงครึ่งหนึ่ง หรือ ฮาล์ฟวิ่ง เข้าสู่ยุค 6.25 บิทคอยน์ จากช่วงก่อนหน้านี้ขึ้นมา100% ด้าน "นักวิชาการ" แนะจับตา New Normal ใหม่ ราคาพุ่งไม่เท่าครั้งก่อนๆ จากแรงกดดัน "ดิจิทัลหยวน-ลิบรา 2.0"
วันนี้ (12 พ.ค.) ตลาดเงินดิจิทัล "บิทคอยน์" เข้าสู่เหตุการณ์ Bitcoin Halving (ฮาล์ฟวิ่ง) ซึ่งเป็นการปรับลดการขุดหรือผลิตเหรียญลงครึ่งหนึ่ง ในทุก 4 ปี ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 หรือเข้าสู่ยุค 6.25 บิทคอยน์ หรือในทุกๆ 10 นาทีจะมีการผลิตเหรียญใหม่ 6.25 บิทคอยน์ จากปี 2559 อยู่ที่ 12.5 บิทคอยน์
นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งเว็บซื้อขายเงินดิจิทัล Bitkub.com หรือ "บิทคับ" เปิดเผยว่า หลังบิทคอยน์ฮาล์ฟวิ่ง คาดการณ์ว่าแนวโน้มราคาบิทคอยน์ยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นราว 1เท่าตัวเท่านั้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ราคาบิทคอยน์ปรับตัวขึ้นมาเร็วมากเกือบ 100% จากช่วงเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาอยู่ที่ 5,200 ดอลลาร์ ปรับขึ้นเข้าใกล้ระดับ 10,000 ดอลลาร์ ก่อนปรับฐานลงมาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาและทรงตัวอยู่ที่ 8,700 ดอลลาร์
ทั้งนี้ ปัจจุบันบิทคอยน์เป็นที่รู้จักมากขึ้น ประกอบกับมีคนเปิดกระเป๋าเงินดิจิทัลทั่วโลกมากขึ้น ถึง 50 ล้านกระเป๋าในช่วง 11 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นคนใช้งานจริงและมีเพิ่มขึ้นทุกปี อีกทั้งในปีนี้ยังมีดิจิทัลหยวนและลิบราของเฟชบุ๊คที่มีคนใช้งานกว่าครึ่งโลก เป็นเป็นตัวผลักดันให้บิทคอยน์ยิ่งเป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วย
ปัจจุบันบิทคอยน์มีส่วนแบ่งในตลาดเงินดิจิทัลมากที่สุดถึง 65% ของเหรียญทั่วโลก มูลค่าตลาดราว 240 พันล้านดอลลาร์ ลดลงจากมูลค่า 356 พันล้านดอลลาร์ เทียบกับช่วงที่ราคาบิทคอยน์ปรับตัวสูงสุด 20,000 ดอลลาร์เมื่อ 2 ปีก่อน
ทางด้านยอดเทรดบิทคอยน์ปัจจุบันอยู่ที่ 165 พันล้านดอลลาร์ต่อวัน เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า จากเมื่อ2ปีก่อนอยู่ที่ 45 พันล้านดอลลาร์ ตลาดบิทคอยน์หลักยังคงเป็นสหรัฐ ญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ ขณะที่ในภูมิภาคอาเซียน ไทยเป็นอันดับ4 รองจาก ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม
สำหรับยอดเทรดของบิทคับ ในช่วง 2-3 วันมานี้ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 600-700 ล้านบาทต่อวัน จากช่วงก่อนหน้าอยู่ที่ 300-400 ล้านบาทต่อวัน ก็มีนักลงทุนจากตลาดหลักทรัพย์เข้ามาในตลาดนี้มากขึ้น ยังแนะนำว่า ผู้ลงทุนยังต้องระมัดระวัง นำเงินที่สามารถเสี่ยงได้มาลงทุนเท่านั้น
นายอาณัติ ลีมัคเดช ผู้อำนวยการโครงการปริญญาโททางการเงิน คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า ทุกครั้งที่มีฮาล์ฟวิ่งราคาบิทคอยน์จะขยับขึ้น แต่รอบนี้จะไม่ขยับขึ้นแรงหรือเป็นที่ฮือฮา เหมือนยุคแรกๆ เนื่องจากมีข่าวลิบรา 2.0 และดิจิทัลหยวนออกมา ทำให้คนยังลังเลลงทุนบิทคอยน์ รวมถึงการแพร่ระบาดของโควิด-19 และความกังวลเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว ขณะที่นักลงทุนบิทคอยน์ยังเป็นกลุ่มเดียวกับนักลงทุนในตลาดอื่นๆ ที่ปรับไปสู่ New Normal ใหม่ ทำให้ยังไม่เชื่อว่า จะมีการโยกเงินเข้ามาในตลาดบิทคอยน์ และตลาดบิทคอยน์น่าจะเกิด New Normal ใหม่ด้วยเหมือนกัน จึงต้องจับตาดู
"คนที่ถือบิทคอยน์ไว้แล้ว ค่อนข้างใหญ่ คงถอนตัวไม่ได้ เพราะลงทุนกันเป็นเรื่องเป็นราว จะยังคงมีคนกลุ่มนี้รักษาฐานเอาไว้อยู่แล้ว เพราะถ้าตลาดนี้ลดลง จะส่งผลกระทบทางลบต่อตลาดอื่นๆด้วย"