‘ประกันสังคม’ จ่ายชดเชยว่างงาน 4.4 ล้าน รอนายจ้างรองรับสิทธิ 1.9 แสน คาดมีผู้มาใช้สิทธิเพิ่ม
สำนักงาน “ประกันสังคม” เร่งติดตามนายจ้าง รับรองหยุดงานลูกจ้าง 1.9 แสนราย จ่ายว่างงานแล้ว 4.4 ล้าน คาดว่าจะมีผู้มาใช้สิทธิกรณีว่างงานเพิ่มอีก พร้อมจัดโครงการเงินกู้เพื่อการจ้างงาน
เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 63 สำนักงานประกันสังคม ได้ตั้งศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ (โควิด-19) สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน มีหน้าที่รับเรื่องร้องทุกข์ ติดตามการขอรับเงินสิทธิ์ประโยชน์ว่างงานสุดวิสัย การรับเรื่องอุทรณ์ในกรณีผู้ประกันตนได้รับหนังสือแจ้งผลปฏิเสธการจ่ายสิทธิประโยชน์ว่างงานสุดวิสัยจากสำนักประกันสังคม เพื่อเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ให้ได้รับเงินโดยเร็วที่สุด
สำหรับจำนวนผู้มายื่นขอรับสิทธิ์จนถึงปัจจุบัน (เริ่มยื่นวันที่ 24 มี.ค.-13 พ.ค.) จำนวน 1,090,082 ราย สรุปการจ่ายเงิน ข้อมูลวันที่ (20 เม.ย.-13 พ.ค.) ได้อนุมัติสั่งจ่ายไปแล้วจำนวน 776,441 ราย รวมเป็นเงิน 4,465.542 ล้านบาท และคาดว่าจะมีผู้ประกันตนมาใช้สิทธิกรณีว่างงานเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ทั้งนี้ นายจ้างจะให้กรอกแบบฟอร์มรับรองการหยุดงานของลูกจ้างผ่าน e-service ทางเว็ปไซต์ www.sso.co.th เพื่อนำเข้าระบบประมวลผลจับคู่ความถูกต้องของข้อมูล แล้วส่งให้หน่วยปฏิบัติวินิจฉัยจ่ายเงินว่างงานและการโอนเงินเข้าบัญชีของผู้ประกันตนภายใน 3 วัน
ขณะมีผู้ประกันตนจำนวน 190,245 ราย ที่รอนายจ้างรับรองสิทธิ ซึ่งสำนักงานประกันสังคมได้เร่งติดตามพร้อมส่งหนังสือแจ้งเตือน และประสานกลุ่มประกอบการดังกล่าว ให้รีบรับรองการหยุดงานของผู้ประกันตนอย่างเร่งด่วน ซึ่งปัญหาที่พบคือ นายจ้างได้ปิดกิจการ ติดต่อไม่ได้ จึงส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบสถานที่ประกอบการ รวมทั้งพยานแวดล้อม เพื่อให้จ่ายเงินผู้ประกันตนโดยเร็วที่สุด จึงขอผู้ประกันตนประสานติดต่อนายจ้าง ให้เร่งเข้ามารับรองการหยุดงานอีกทางหนึ่ง
นอกจากนี้ ยังมีสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงานวงเงินไม่เกิน 30,000 บาท ให้สถานผู้ประกอบการกู้เป็นทุนหมุนเวียนเสริมสภาพคล่องให้มีศักยภาพมีการจ้างงานอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นการกู้เพื่อ Refinance ร้อยละ 50 ของวงเงินปล่อยกู้ของแต่ละธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ
น.ส.พิศมัย นิธิไพบูลย์ โฆษกสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า ขณะนี้มี 2 ธนาคารเข้าร่วมโครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน คือธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย วงเงินสินเชื่อเพื่อกู้ในโครงการ 2,000 ล้านบาท และธนาคารยูโอบี จำกัด วงเงินเพิ่มเติม 2,000 ล้านบาท จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 63 หรือ จนกว่าโครงการจะหมด โดยมีวงเงิน 18,000 ล้านบาท
สำหรับสถานประกอบการมีลูกจ้างไม่เกิน 50 คน วงเงินกู้ไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อราย วงเงิน 9,000 ล้านบาท สำหรับสถานประกอบการมีลูกจ้าง 51-200 คน วงเงินกู้ 10 ล้านบาทต่อราย และวงเงินกู้ 3,000 ล้านบาท ต่อสถานประกอบการมีลูกจ้าง 200 คนขึ้นไป วงเงินกู้ 15 ล้านบาทต่อราย
สถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ ต้องขึ้นทะเบียนสำนักงานประกันสังคม และจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดือน และเมื่อได้รับสินเชื่อแล้ว ต้องรักษาผู้ประกันตนไม่น้อยกว่า 80% ของผู้ประกัน ณ วันที่ได้รับสินเชื่อตลอดอายุโครงการ 3 ปี ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมเข้าตรวจทุกปี