ทส. ยอมรับ ถูกมองแก้ปัญหาไฟป่าและหมอกควันปีนี้ล้มเหลว

ทส. ยอมรับ ถูกมองแก้ปัญหาไฟป่าและหมอกควันปีนี้ล้มเหลว

ตั้งเป้าปีหน้า ลดการเผาป่าและพื้นที่เกษตร เน้นทำความเข้าใจประชาชนในพื้นที่ ใช้วิธีอื่นแทนการเผา

วันนี้ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินทางไปยังจังหวัดเชียงใหม่เพื่อมอบนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ปี 2564 ในงานการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อสรุปผลและถอดบทเรียน (After Action Review : AAR) การป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ ปี 2563

นายวราวุธ ศิลปอาชา กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา การแก้ไขปัญหาเรื่องหมอกควันและไฟป่าถูกมองว่าล้มเหลว ซึ่งตนจะไม่ขอพูดแก้ตัวให้สวยหรู แต่จะขอใช้ผลงานแก้ตัวในปีนี้

นายวราวุธกล่าวว่า ในเขตภาคเหนือตอนบน แต่ละจังหวัดจะเผชิญปัญหาแตกต่างกัน กลไกการแก้ไขปัญหาในแต่ละพื้นที่ก็แตกต่างกัน เพราะฉะนั้น ต้องมาคิดว่าจะทำอย่างไร เพื่อให้แต่ละพื้นที่แก้ปัญหาได้ดีที่สุด ทั้งเรื่องงบประมาณและวิธีการทำงาน กระบวนการขั้นตอนต่างๆ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ

ในส่วนของการเผาทั้งในส่วนของไฟป่าและเผาเพื่อการเกษตร นายวราวุธกล่าวว่า เราตั้งเป้าที่จะลดลงให้ได้มากที่สุด โดยต่อไปต้องมาเน้นที่การลงไปให้ความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนในพื้นที่ เพื่อขอความร่วมมืองดเผา หันมาใช้วิธีการอื่นแทน

สิ่งที่เป็นห่วงคือเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ทำงานแก้ไขปัญหาทำงานกันอย่างเต็มที่ แต่จะมีบางกลุ่มอยากจะให้พูดว่าล้มเหลว ซึ่งเราจะพูดยังไงก็ได้ จะพูดว่าสำเร็จก็ได้ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคำพูดคือการกระทำ ในปีนี้ให้การทำงานเป็นตัวตอบคำถามดีกว่า” รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกล่าว

ทั้งนี้ ในการประชุมวันนี้ซึ่งเป็นการประชุมต่อเนี่องเป็นวันที่ 2 โดยมีการประชุมกลุ่มย่อย ที่ 3 ในส่วนของหน่วยงานภาครัฐเพิ่มเติม มีสาระสำคัญสรุปได้ว่า ทุกหน่วยงานต้องมีการคุมเข้มและบังคับใช้กฎหมายในความรับผิดชอบอย่างจริงจัง และใช้กลไกระดับหมู่บ้าน ตำบล โดยเฉพาะประชาคมหมู่บ้าน ให้ความรู้ความเข้าใจกับประชาชน เพื่อร่วมเฝ้าระวังและจัดชุดดับไฟขั้นต้น ซึ่งหน่วยงานภาครัฐจะสนับสนุนกระบวนการการมีส่วนร่วมของชุมชนรักษาป่าในทุกพื้นที่

โดยวานนี้ การประชุมกลุ่มย่อย ที่ 1 ในส่วนของเจ้าหน้าที่ ทส. และการประชุมที่ 2 ในส่วนของภาคประชาชน ได้มีการหารือถึงสาเหตุของปัญหา ปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะการทำงาน โดยเฉพาะประเด็นหลัก ดังนี้

1.
การถ่ายโอนภารกิจการควบคุมไฟป่าให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ยังไม่เกิดผลในทางปฏิบัติ ซึ่งที่ประชุมเห็นพ้องให้ทส. หารือกับกระทรวงมหาดไทยและคณะกรรมการกระจายอำนาจ เพื่อหาแนวทางให้การถ่ายโอนภารกิจ มีผลบังคับใช้ และเกิดผลในทางปฏิบัติ

2.
การจัดการเชื้อเพลิงที่ไม่สามารถดำเนินการได้ทันตามช่วงเวลาและยังไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งที่ประชุมเห็นควรให้เร่งจัดการเชื้อเพลิงก่อนเข้าช่วงสถานการณ์หมอกควัน โดยไม่นำเอาจุดความร้อน (Hotspot) มาเป็นตัวชี้วัด ทั้งนี้ เมื่อเข้าช่วงหมอกควัน ให้จัดระเบียบการเผา ดำเนินการเผาแบบควบคุมโดยไม่ให้ฝุ่นละอองสูงจนเกินเกณฑ์มาตรฐาน และให้จังหวัดพิจารณาการใช้มาตรการขอความร่วมมือให้ประชาชนจัดการเชื้อเพลิงภายใต้การควบคุมตามที่ภาครัฐกำหนด โดยไม่ต้องกำหนดช่วงห้ามเผา

3.
เพื่อความถูกต้องในการวิเคราะห์ข้อมูล ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์ และกรมป่าไม้ จัดส่งขอบเขตพื้นที่เกษตรกรรมในป่าให้ GISTDA ในการประมวลผลข้อมูลพื้นที่ที่เกิดจุดความร้อน ซึ่งจะช่วยให้การกำหนดแผนงานในการบริหารจัดการมีความถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ส่วนในการประชุมกลุ่มย่อย ที่ 2 ในส่วนของภาคประชาชน เห็นพ้องให้มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำแผนและดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาร่วมกับภาครัฐ อีกทั้งให้มีการบูรณาการการดำเนินงานให้เชื่อมโยงกันทุกระบบและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนให้มีการบริหารจัดการเชิงพื้นที่เป็นหลัก

ทั้งนี้ จะมีการสรุปสาระสำคัญให้ พล..ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ดูแลรับผิดชอบปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะได้เดินทางมาเป็นประธานปิดการประชุมฯ ในวันพรุ่งนี้ ได้รับฟังอีกครั้ง