สอบเส้นการเงิน 'แม่ปุ๊ก' พบถอน-โอนหมื่นครั้ง สั่ง 'รองผู้การกองปราบ' สางคดี
ผู้การกองปราบ สั่งตรวจสอบเส้นทางการเงิน "แม่ปุ๊ก" พบว่ามีการถอนเงิน-โอนเงินนับหมื่นรายการ เป็นการถอนเงินจำนวนไม่สูงมากนักแต่หลายครั้ง จึงต้องใช้เวลาตรวจสอบ สั่ง "รองผู้การกองปราบ" สางคดี
ความคืบหน้าคดี "แม่ปุ๊ก" อายุ 29 ปี ที่ต้องสงสัยวางยาลูก 2 คนเพื่อหลอกรับเงินบริจาค หลังจากเมื่อวานนี้ ตำรวจกองปราบปรามเชิญตัวครอบครัวมาสอบปากคำเพิ่มเติม นานกว่า 7 ชั่วโมง
วันนี้ 27 พ.ค. 2563 ที่กองบังคับการปราบปราม พันตำรวจเอกปทักข์ ขวัญนา ผู้กำกับการ กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม เปิดเผยว่า หลังสอบปากคำแล้วเสร็จ ตำรวจก็ได้ให้ครอบครัวของนางสาวปุ๊กกลับบ้าน โดยยังไม่มีการแจ้งข้อหาใดๆ โดยเบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำในประเด็นเรื่องพฤติกรรมของนางสาวปุ๊กขณะเลี้ยงลูกอยู่ที่บ้าน และเส้นทางการเงินบางส่วน ซึ่งครอบครัวของนางสาวปุ๊กก็ให้ความร่วมมือและให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมากขึ้น แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะเป็นเรื่องในสำนวนคดี
อย่างไรก็ตาม ตำรวจยืนยันว่า ณ ขณะนี้พยานหลักฐานยังเชื่อมโยงไปถึงนางสาวปุ๊กเพียงคนเดียว ยังไม่พบผู้อื่นร่วมกระทำความผิด แต่ตำรวจก็ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง และจำเป็นต้องสอบปากคำพยานและรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม ส่วนสอบใครบ้าง ยังไม่ขอเปิดเผย ต้องพิจารณาสำนวนก่อน รวมถึงพยานหลายคนไม่พร้อมที่จะออกสื่อและมาให้ปากคำ
ส่วนผลการตรวจดีเอ็นเอเบื้องต้น ก็ตรงตามที่เป็นข่าวออกไปก่อนหน้านี้ ว่าดีเอ็นเอยืนยันความเป็นแม่-ลูกโดยสายเลือดเด็กชายวัย 2 ขวบ แต่ยังต้องรอผลอย่างเป็นทางการเพื่อนำมาประกอบสำนวน
และยืนยันว่าผลดีเอ็นเอไม่มีผลกระทบต่อรูปคดี เพราะคดีนี่ไม่เกี่ยวกับใครเป็นบิดามารดาของใคร แต่เกี่ยวกับใครกระทำต่อเด็ก และใครได้รับผลประโยชน์มากกว่า
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า ในข้อสงสัยว่าเงินนั้นถูกนำไปใช้อะไรบ้าง ขณะนี้จากการตรวจสอบบัญชีอย่างละเอียดนั้นพบว่า ยอดเงินเข้าเป็นจำนวนเงินที่ไม่สูงมาก แต่ทยอยเข้ามาเรื่อย ๆ ในขณะเดียวกันยอดการถอนเงินก็ทยอยถอนออกเช่นกัน โดยมีทั้งถอนเงินสดหน้าตู้เอทีเอ็ม และ โอนเงินออนไลน์ โดยยอดเงินหมุนเวียนกว่า 15 ล้านนั้น ตั้งแต่ปี 2561 - 2563 พบหลักฐานการถอนเงินสดสำหรับค่าใช้จ่ายและค่าบริการต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันรวมกว่า 1 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินโอนเข้านับหมื่นรายการ และโอนออก 4,000 - 5,000 รายการ นอกจากนี้ยังมีสลิปการถอนเงินออกไปใช้เงินจำนวนมากรวมมูลค่าเงินในสลิปต่าง ๆ ราว 4 แสนบาท
ในส่วนข้อสงสัยว่ามีใครร่วมขบวนการหรือไม่ จนถึงเวลานี้่หลักฐานที่พบมีเพียงแม่ปุ๊กคนเดียวเท่านั้น แต่จะมีใครเพิ่มไหมนั้น คงต้องรอหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ รวมไปถึง การวิเคราะห์คำให้การต่าง ๆ ที่สอบปากคำ ว่ามีความขัดแย้งหรือพิรุธหรือไม่
ในคดีนี้ พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองปราบปราม ได้สั่งการให้ พันตำรวจเอก สมควร พึ่งทรัพย์ รองผู้บังคับการ ที่มีความชำนาญด้านข้อกฎหมาย และ ผ่านคดีสำคัญมากมาย เข้ามาควบคุมการสอบสวนค เพื่อให้สำนวนมีความรัดกุมและเอาผิดกับผู้ต้องหาได้
ล่าสุด พันตำรวจเอก สมควร ได้สั่งการให้ พันตำรวจเอก ปทักข์ รวบรวมข้อมูลการรักษาพยาบาลของเด็กทั้งสองคนของทุกโรงพยาบาลที่เด็กเคยเข้ารับการรักษาโรคต่าง ๆ ตั้งแต่เกิด เพื่อนำมาวิเคราะห์พร้อมกับแพทย์เป็นแนวทางในการทำสำนวนการสอบสวน โดยหลักฐานต่าง ๆ นั้นได้รวบรวมจาก โรงพยาบาลบีแคร์ โรงพยาบาลภูมิพล โรงพยาบาลสินแพทย์ลำลูกกา โรงพยาบาลเปาโลรังสิต และโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เป็นต้น