กรรมการเฉพาะกิจ สมช. ถก ผ่อนปรน เฟส 3 เกือบ 5 ชม.ไร้ข้อสรุป โยน ศบค.ใหญ่ พิจารณาร่นเคอร์ฟิว ส่วนกิจการเสี่ยงส่อวืดกลับมาเปิด สั่งจัดทำข้อมูลให้ชัดเจน
วานนี้ (27 พ.ค.) ที่สำนักเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการ สมช. ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจ พิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้เป็นประธานการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณามาตรการผ่อนปรนมาตรการ กิจการและกิจกรรมในระยะที่ 3 รวมถึงการลดระยะเวลาการห้ามออกนอกเคหสถาน หรือเคอร์ฟิว
โดย พล.อ.สมศักดิ์ จะนำผลประชุมเสนอต่อนายกรัฐมนตรี วันที่ 28พ.ค. เวลา 09.00น. ก่อนที่จะเข้าสู่การประชุม ศบค.ชุดใหญ่วันที่ 29 พ.ค.นี้ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป
ร่นเคอร์ฟิวโยนศบค.ใหญ่ตัดสิน
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อน ยังไม่ได้ข้อสรุปใดๆ เกี่ยวกับกิจการที่จะได้รับการผ่อนปรนในระยะที่ 3 เนื่องจากยังมีความเห็นที่หลากหลาย ขณะที่ในบางประเด็น ได้มอบหมายให้ไปจัดทำข้อมูลให้มีความชัดเจนมากขึ้น เช่น การปรับเวลาห้ามออกนอกเคหสถาน เบื้องต้นมีแนวโน้มจะให้ลดเวลาเคอร์ฟิว แต่ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะเหลือกี่ชั่วโมง และให้เริ่มตั้งแต่เวลาใดและสิ้นสุดเวลาใด โดยมีหลายตัวเลือก จึงจะต้องให้ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ เป็นผู้พิจารณาในชั้นสุดท้ายอีกครั้ง
จ่อผ่อนปรนกีฬาเพื่อสุขภาพ
ส่วนเรื่องกีฬา เบื้องต้นมีแนวโน้มที่จะผ่อนปรนให้กีฬาประเภททีมได้ แต่ให้เล่นเพื่อสุขภาพหรือเพื่อการซ้อม แต่ยังไม่อนุญาตให้มีการแข่งขันใดๆ นอกจากนี้ ในประชุมไม่ได้มีการหยิบยกเรื่องกีฬามวยมาหารือแต่อย่างใด เนื่องจากฝ่ายกระทรวงสาธารณสุข ยังกังวลว่าแม้จะมีการจัดการแข่งขันโดยไม่มีผู้ชม และให้ชมผ่านการถ่ายทอดสดทางทีวี ก็ยังเสี่ยงที่ประชาชนจะมานั่งจับกลุ่มเชียร์หน้าจอ ที่อาจมีการตะโกนเชียร์ ตามธรรมชาติของการชมกีฬามวย ซึ่งเสี่ยงต่อการระบาดของโควิด-19 เช่นเดียวกับเรื่องร้านนวด ซึ่งที่ประชุมยังไม่ได้มีการหยิบยกมาหารือ
กิจการกลุ่มเสี่ยงส่อวืดเปิด
สำหรับกระแสข่าวว่าในการผ่อนปรนระยะที่ 3 จะมีกิจการได้รับการอนุญาตให้เปิดมากขึ้นนั้น อาจจะไม่ได้เป็นอย่างนั้น แต่อาจเป็นเพียงการอนุญาตให้ทำกิจกรรมเพิ่มขึ้น ในกิจการที่ได้รับการผ่อนปรนไปก่อนหน้านี้แล้ว
นอกจากนี้ ในส่วนของการเดินทางข้ามจังหวัด ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ที่ประชุมมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปจัดทำรายละเอียด เพิ่มเติมในจังหวัดที่มีด่านชายแดน เพราะเกรงว่าหากมีการผ่อนปรนให้เดินทางข้ามจังหวัดจะส่งผลให้มีการข้ามแดนเข้ามาในประเทศด้วย ซึ่งอาจจะยากต่อการควบคุมการแพร่ระบาด อย่างไรก็ตาม จะยังมีการคงมาตรการกำจัดการเดินทางเข้าประเทศตามช่อง ทางต่างๆ เหมือนเดิม