‘เมเจอร์-สปา’ เฮ! รับปลดล็อกเฟส 3
สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง โดยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดจนเป็นที่น่าพอใจ
แม้ว่ารัฐบาลโดยศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. จะทยอยปลดล็อกให้ภาคธุรกิจกับมาเปิดบริการ แต่จำนวนผู้ป่วยไม่ได้เพิ่มขึ้นมากอย่างที่กังวลไว้ ในทางตรงกันข้ามตัวเลขผู้ป่วยใหม่กลับลดลงด้วยซ้ำ
ที่สำคัญผู้ติดเชื้อที่ตรวจพบในช่วงหลังมานี้ ส่วนใหญ่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ สะท้อนว่าสถานการณ์ในประเทศดีขึ้นมาก จนที่ประชุมใหญ่ ศบค. เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (29 พ.ค.) ไฟเขียวปรับลดเวลาเคอร์ฟิวลง 1 ชั่วโมง จากเดิม 23.00-04.00 น. เป็น 23.00-03.00 น. เพื่ออำนวยความสะดวกเรื่องการเดินทางขนส่งข้ามจังหวัด รวมทั้ง กลุ่มอาชีพที่ต้องเริ่มงานตั้งแต่เช้ามืด
นอกจากนี้ ประกาศปลดล็อกกิจการ / กิจกรรม เฟสที่ 3 ซึ่งรอบนี้มีหลายกิจการใหม่ที่ได้รับอนุญาต อาทิเช่น ร้านนวดแผนไทย สปา ยกเว้นบริเวณใบหน้า, โรงภาพยนตร์ โรงมหรสพ และโรงละคร แต่จำกัดจำนวนไม่เกิน 200 คนต่อรอบ
รวมไปถึงการจัดอบรม สัมมนา จัดแสดงสินค้า นิทรรศการ จัดงานเลี้ยง อีเวนท์ ในโรงแรม ศูนย์ประชุม ศูนย์แสดงสินค้า สถานที่จัดนิทรรศการ แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการของภาครัฐอย่างเข้มงวด พร้อมขยายเวลาปิดห้าง ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ออกไปอีก 1 ชั่วโมง จาก 20.00 น. เป็น 21.00 น. ให้ขาช้อปได้มีเวลาใช้จ่ายมากขึ้น
โดยให้เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้ (1 มิ.ย.) เป็นต้นไป และถ้าสถานการณ์ยังอยู่ในภาวะที่ควบคุมได้ จำนวนผู้ติดเชื้อไม่เพิ่มขึ้นมาก คาดว่าจะมีการปลดล็อกกิจการส่วนที่เหลือทั้งหมดภายในเดือน มิ.ย. นี้
ทันทีที่ ศบค. ประกาศผ่อนคลายเฟส 3 ราคาหุ้นที่ได้รับไฟเขียวพุ่งขึ้นรับข่าวทันที นำทีมด้วยหุ้นเจ้าตลาดโรงหนังเมืองไทย บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ (MAJOR) ของเสี่ยวิชา พูลวรลักษณ์ ปิดบวกที่ 17.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท หรือ 3.64% ตอบรับข่าวดี หลังต้องปิดโรงหนังทุกสาขาทั่วประเทศมานานกว่า 2 เดือน ตั้งแต่ 18 มี.ค.
จนกดดันผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2563 พลิกขาดทุนเป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้าตลาด 255 ล้านบาท และคาดว่าจะขาดทุนหนักขึ้นอีกในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นช่วงที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ ส่วนภาพทั้งปีน่าจะขาดทุนแน่นอน เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไร 1,170 ล้านบาท ส่วนจะมากน้อยแค่ไหนคงขึ้นอยู่กับผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลัง
แต่ดูแล้วเหนื่อย ! เพราะกลับมาเปิดรอบนี้ สภาพแวดล้อมทุกอย่างเปลี่ยนไปแทบทั้งหมด ทั้งเรื่องความสะอาด มาตรการในการป้องกันโรคระบาด กฎระเบียบข้อบังคับที่จะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา รวมทั้งต้องมีการจำกัดจำนวนผู้ชมต่อโรง ห้ามนั่งติดกัน เพื่อรักษาระยะห่าง ซี่งแน่นอนว่าย่อมกระทบรายได้จากการขายตั๋วลดลงไปด้วย
ก่อนหน้านี้ ผู้บริหาร ประกาศว่าจะจำหน่ายตั๋วเพียงแค่ 25% ของจำนวนที่นั่งทั้งหมดต่อโรง โดยให้นั่งแถวเว้นแถว และเว้นห่างกัน 2 ที่นั่ง พร้อมยืนยันว่าจะไม่ขึ้นราคาค่าตั๋ว ยังคงราคาเดิม แม้จำนวนที่นั่งจะลดลง ต้องดูว่าบริษัทจะปรับกลยุทธ์อย่างไรเมื่อแนวโน้มรายได้จากยอดขายตั๋วมีแต่ลดลงๆ
ส่วนหุ้นอาณาจักรสปาที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทย บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA บวกขึ้นมารับข่าวเช่นกัน ปิดที่ 7.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท หรือ 2.01% หลังจะกลับมาให้บริการอีกครั้ง
แต่ต้องมารอลุ้น วัดใจดูว่าจะฟื้นได้เร็วแค่ไหน เพราะกลุ่มลูกค้าหลัก คือ ต่างชาติ 75% และคนไทยเพียง 25% ดังนั้น ถ้าหวังพึ่งตลาดต่างชาติคงต้องรออีกนาน ทำให้บริษัทต้องเร่งปรับกระบวนยุทธ์โดยด่วน หันกลับมาจับกลุ่มลูกค้าคนไทย ยืนยันพร้อมกลับมาเปิดให้บริการภายใต้ยุคความปกติใหม่ (New Normal) โดยลูกค้าต้องรจองคิวเข้ามาก่อน เพราะต้องจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการ
หันไปดูกลุ่มห้างขยับบวกขึ้นมาได้เล็กๆ น้อยๆ หลังได้ต่อเวลาชอปปิ้งออกไปอีก 1 ชั่วโมง บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ปิด 38 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 2.01% ส่วนบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) พลิกปิดลบ 49.25 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ 1.50%
แต่ถามว่าจะหนุนมากน้อยแค่ไหน ดูแล้วยังต้องใช้เวลาอีกระยะ รอให้ลูกค้าปรับตัวได้มากกว่านี้ เพราะตั้งแต่กลับมาเปิดห้างเมื่อวันที่ 17 พ.ค. ที่ผ่านมา ผู้ใช้บริการยังดูไม่ค่อยคึกคัก อย่างไรก็ตาม รอบนี้จะขยายการผ่อนคลายไปถึงกิจกรรมอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น การจัดงานอีเวนท์ จัดแสดงสินค้า น่าจะช่วยให้บรรยากาศในภาพรวมคึกคักขึ้น
กลุ่มศูนย์ประชุม ศูนย์แสดงสินค้า นิทรรศการ ได้รับการปลดล็อกรอบนี้ด้วย แต่มีเงื่อนไขจำกัดพื้นที่ไม่เกิน 20,000 ตารางเมตร พร้อมจำกัดจำนวนผู้เข้างาน กลุ่มนี้ที่เด่นๆ หนีไม่พ้นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อิมแพ็คโกรท (IMPACT) ปิด 17.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 0.56%
ส่วนกลุ่มโรงแรมจะได้รับอานิสงส์หลัง ศบค. ปลดล็อกการเดินทางข้ามจังหวัด หนุนการท่องเที่ยวในประเทศ รวมทั้ง กิจกรรมต่างๆ ในโรงแรม อีเวนท์ งานแต่ง งานสัมมนา ที่ได้รับไฟเขียว แต่ดูราคาหุ้นทั้งกลุ่มกลับไม่ค่อยตอบรับ ย่อตัวลงมาเกือบหมด เพราะเก็งกำไรไล่ราคาขึ้นมามากแล้ว โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังมีข่าวรัฐบาลเตรียมจัดแพ็กเกจชุดใหญ่กระตุ้นการท่องเที่ยว