การ์ดอย่าตก!!ใกล้ครบ 14 วันไทยปลอดผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศ

สถานการณ์โควิด-19 ในวันที่ 7 มิ.ย.2563 พบผู้ป่วยใหม่ 8 ราย เป็นผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศและเข้าพักในสถานที่เฝ้าระวังที่รัฐจัดให้(State Quarantine) ขณะที่ จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศไทยคือ 0 ราย ต่อเนื่องกันมาเป็นวันที่ 13 ขณะนี้มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,112ราย ติดเชื้อในประเทศ 2,444 ราย สถานที่เฝ้าระวังที่รัฐจัดให้ 175 ราย รักษาหายกลับบ้านได้ 2,972  ราย หรือ 95.5%

 ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มรวมมีผู้ป่วยชีวิต 58  คน และรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 82 ราย ทั้งนี้ เมื่อจำแนกตามพื้นที่รักษา  ได้แก่ กรุงเทพและนนทบุรี 1,736 ราย ภาคเหนือ 95 ราย ภาคกลาง 427 ราย ภาคใต้ 743 ราย และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 111 ราย อายุน้อยสุด 1 เดือน อายุสูงสุด 97 ปี อายุเฉลี่ย 39 ปี อัตราส่วนหญิง:ชาย เท่ากับ1:1.22 สูงสุดในกลุ่มอายุ 20-29 ปี จำนวนผู้อยู่ในกลุ่มสูงสุด 803 ราย

พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19  กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่ ทั้ง 8 ราย มีดังนี้  เดินทางมาจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 5 ราย มาถึงไทยวันที่ 2 มิ.ย.2563 ทุกรายเคยได้รับการตรวจหาเชื้อ Covid-19 ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์แล้ว ผลไม่พบเชื้อ กลับมาประเทศไทย ตรวจพบเชื้อทุกรายไม่มีอาหาร เข้ารับการรักษาโรงพยาบาลในกทม. โดยทั้ง 5 ราย เป็นเพศหญิงอายุ 38 ปี อาชีพพนักงานบริษัท  เพศชายอายุ 37 ปี เป็นนักท่องเที่ยว เพศหญิงอายุ 38 ปี อาชีพพนักงานสปา เพศหญิงอายุ 23 ปี อาชีพพนักงานนวด และเพศหญิงอายุ 24 ปี อาชีพพนักงานขายอาหาร

 

เดินทางมาจากประเทศคูเวต 2 ราย  เป็นเพศชายอายุ 46ปี และ 37 ปี อาชีพรับจ้างเดินทางมาถึงไทยวันที่ 24 พ.ค.2563 ตรวจวันที่ 27 พ.ค.2563 ผลไม่พบเชื้อตรวจวันที่ 6 มิ.ย.2563 ผลพบเชื้อ ไม่มีอาการ เข้ารับการรักษาโรงพยาบาลในจ.สมุทรปราการ และเดินทางมาจากประเทศอินเดีย 1 ราย เป็นเพศชาย อายุ 52 ปี เดินทางมาถึงไทยวันที่ 5 มิ.ย.2563 จากการคัดกรองที่สนามบิน พบว่ามีอาการไข้และไอ เข้ารักษาการรักษาในโรงพยาบาลสมุทรปราการ

ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าวต่อว่าสำหรับสถานการณ์โรคโควิด-19 ในสถานกักกันโรคของรัฐที่เป็นส่วนกลางและจังหวัดวันที่ 7 มิ.ย.2563 ใน 5 ประเทศแรก ได้แก่ คูเวต ซาอุดิอาระเบีย อินโดนีเซีย ปากีสถาน และกาตาร์  ส่วนจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมตามปัจจัยเสี่ยง  10 อันดับแรกได้แก่ สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป้วยยืนยันรายก่อนหน้านี้ 1,191 ราย ร้อยละ 39.38

อาชีพเสี่ยง เช่นทำงานในสถานที่แออัด หรือทำงานใกล้ชิดสัมผัสกับชาวต่างชาติ 284 ราย ร้อยละ9.39สนามมวย 274 ราย ร้อยละ 9.06 คนไทยเดินทางมาจากต่างประเทศ 269 ราย ร้อยละ 8.9 สถานบันเทิง 227 ราย ร้อยละ 7.51 ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าStart Quarantine 175 ราย ร้อยละ5.79

คนต่างชาติเดินทางมาจากต่างประเทศ 125 ราย ร้อยละ 4.13 ไปสถานที่ชุมชน เช่นตลาดนัด สถานที่ท่องเที่ยว 107 ราย ร้อยละ3.54 พิธีกรรมทางศาสนา 99 ราย ร้อยละ 3.27 และบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข 96 ราย ร้อยละ 3.17  ขณะที่จำนวนผู้ป่วยยืนยัน 2 สัปดาห์ล่าสุด ได้แก่ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้า Start Q 71 ราย ร้อยละ 98.91 และสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้านี้ 1 ราย ร้อยละ 1.39

ส่วนผู้ป่วยยืนยันสะสม จำแนกตามอาชีพ 5 อันดับแรกได้แก่ รับจ้างทั่วไป/ฟรีแลนซ์ ร้อยละ 17.35 ค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว ร้อยละ 15.25 พนักงานบริษัท/โรงงานร้อยละ 11.76 นักเรียน/นักศึกษาร้อยละ8.70 และพนักงานในสถานบันเทิงร้อยละ 8.36 เมื่อจำแนก 2 สัปดาห์ล่าสุด 5 อันดับแรก พบว่า นักเรียน/นักศึกษา ร้อยละ 23.7 พนักงานนวด 20.34 รับจ้างทั่วไป/ฟรีแลนซ์ ร้อยละ 20.34 พนักงานบริษัท/โรงงาน ร้อยละ 15.25 และนักท่องเที่ยวร้อยละ 3.39

สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก 211 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ 2 เรือสำราญ มีผู้ติดเชื้อ 6,974,721 ราย อาการหนัก 53,586 ราย รักษาหาย 3,411,281ราย เสียชีวิต 402,904 ราย โดย 10 อันดับ ผู้ป่วยสูงที่สุด อันดับที่ 1 ยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา ถัดมา ได้แก่ บราซิล รัสเซีย สเปน อังกฤษ อิตาลี อินเดีย ฝรั่งเศส เยอรมนี และเปรู ขณะที่ ประเทศในเอเชียพบผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ อินเดีย ปากีสถาน บังคลาเทศ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ส่วนประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 81 ของโลก

“มาตรการผ่อนคลายระยะที่ 4 ซึ่งจะมีการเปิดกิจการที่มีความเสี่ยงสูงอย่างโรงเรียน สถานที่รับเลี้ยงเด็ก โรงถ่ายภาพยนตร์ต่างๆ นั้น อาจทำให้มีการรวมตัวของประชาชนจำนวนมากและเป็นสถานที่ปิดจึงอาจจะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อค่อนข้างมาก ดังนั้น ตอนนี้ขอให้ประชาชนรอมาตรการในการเปิดสถานบริการเหล่านั้น เพราะมาตรการต่างๆคงมีความแตกต่างกัน”ผู้ช่วยโฆษก ศบค.กล่าว

ขณะนี้แม้รายงานจากศบค.ว่าไม่มีผู้ติดเชื้อภายในประเทศ และกำลังจะครบ 14 วันในวันพรุ่งนี้ ซึ่งระยะการฟักตัวของเชื้อเป็นเวลา 14 วันก็จริง แต่ก็ยังมีโอกาสในการแพร่ระบาดของเชื้อได้ อยากขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ โดยเฉพาะการสวมใส่หน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล และไม่ไปในที่ที่มีความเสี่ยง ไม่ประมาท การ์ดอย่างตกและไม่เปิดหน้า