‘สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต’ ปักธงเดสทิเนชั่น 'ท่องเที่ยว-ช้อปปิ้ง' ปลุกใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจ

‘สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต’ ปักธงเดสทิเนชั่น 'ท่องเที่ยว-ช้อปปิ้ง' ปลุกใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจ

“สยามพิวรรธน์” ฝ่าวิกฤติโควิด ดัน “สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต” แหล่งท่องเที่ยว-ช้อปปิ้ง แห่งใหม่ ดึงกำลังซื้อคนไทย ตั้งเป้าลูกค้า 1 หมื่นคนต่อวัน หวังครึ่งปีหลังสถานการณ์คลี่คลาย เปิดน่านฟ้า-รัฐอัดฉีดมาตรการเจาะตรงภาคค้าปลีกกระตุ้นเศรษฐกิจขยับ

ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 ทั่วโลกกระทบภาคธุรกิจ การลงทุน และภาวะเศรษฐกิจถดถอย ขณะที่สถานการณ์ในประเทศไทยถือว่ามีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมการ “ปลดล็อก” เริ่มเปิดเมืองมากขึ้น เป็นจังหวะและโอกาสสำคัญของการขับเคลื่อนธุรกิจ โดยกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ เจ้าของและผู้บริหารโครงการระดับโลกวันสยาม (ONESIAM) ประกอบด้วย สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และหนึ่งในพันธมิตรเจ้าของ “ไอคอนสยาม” อภิมหาโครงการเมืองริมแม่น้ำเจ้าพระยา ประกาศเดินหน้ารีสตาร์ทประเทศไทยด้วยการเปิดให้บริการบิ๊กโปรเจกมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท "สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ" (Siam Premium Outlets® Bangkok) วานนี้ (19 มิ.ย.)  

นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า การเปิดบริการของ สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ สะท้อนความมั่นใจที่มีต่อเศรษฐกิจและศักยภาพประเทศไทยในระยะยาวของกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ และพันธมิตรร่วมทุน ไซม่อน พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป(Simon Property Group)บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกอันดับหนึ่งของโลก จากสหรัฐ

“นับเป็นโครงการเดียวในโลกที่เปิดบริการท่ามกลางวิกฤติโควิด ซึ่งเราได้มีการปรับแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทั้งเชิงกลยุทธ์ มาตรการความปลอดภัย ที่จะสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่ต้องยอมรับว่ายังมีความกลัวอยู่” 

ทั้งนี้ การพัฒนาโครงการสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต มีลูกค้าเป้าหมายหลักนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งเดิมมีปริมาณมหาศาลนั้นคาดการณ์ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 18-24 เดือนข้างหน้าในการฟื้นตัวกลับมา ดังนั้นการขับเคลื่อนธุรกิจสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ปักหมุดเป็นจุดหมายปลายทาง หรือ แหล่งท่องเที่ยวและชอปปิงใหม่ของคนไทย เน้นเจาะลูกค้าชาวไทยให้เข้ามาจับจ่ายภายใต้ราคาที่ดึงดูดใจ

อย่างไรก็ตาม อยากให้รัฐบาลมีมาตรการอัดฉีดตรงภาคการค้าปลีก เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนให้ออกมาจับจ่ายใช้สอยซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อเม็ดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมค้าปลีกมูลค่ากว่า 3.5 ล้านล้านบาท เป็นกลไกสำคัญกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ 

ปักธงแหล่งท่องเที่ยว-ชอปปิงใหม่

นายไมเคิล ถัง กรรมการผู้จัดการ สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ กล่าวว่า “พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต” เป็นเครื่องหมายการค้าสิทธิบัตรเฉพาะของไซม่อน ผู้พัฒนาพรีเมี่ยม เอาท์เล็ตในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ที่เปี่ยมศักยภาพในด้านเศรษฐกิจและเป็นจุดหมายปลายทางแห่งการท่องเที่ยวดึงดูดผู้คนทั่วโลก

โดย “สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ” นับเป็นโครงการพรีเมี่ยม เอาท์เล็ตแห่งใหม่ล่าสุดของไซม่อน จากปัจจุบันให้บริการราว 86 สาขาทั่วโลก เป็นที่รู้จักกันดี เช่น Woodbury Common Premium Outletsนิวยอร์ค, Gotemba Premium Outlets ญี่ปุ่น, Yeoju Premium Outlets เกาหลีใต้ และ Johor Premium Outletsมาเลเซีย

สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ เปิดบริการบนมอเตอร์เวย์ กรุงเทพ-ชลบุรี กม.23 ทางออก 5 ลาดกระบัง ให้บริการกว่า 200 แบรนด์ ลดราคาทุกวัน 35-70% โดดเด่นด้วยแบรนด์ลักชัวรีระดับเวิลด์คลาสในคอนเซปต์เอาท์เล็ตเป็นครั้งแรกในเมืองไทย ได้แก่ Burberry, Balenciaga, Bally, Breitling, CK, Furla, Hugo Boss และ Montblanc

รวมถึงแบรนด์ลักชัวรี อินเตอร์เนชั่นแนล ไทยแบรนด์ต่างๆ รวมถึงเอาท์เล็ต Coach, kate spade NEW YORK และ Skechers ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยนำเสนอสินค้าครบครัน

นอกจากนี้ มี Nike พรีเมี่ยม รีเทล สโตร์ ขนาดใหญ่กว่า 1,300 ตร.ม. ด้วยสไตล์การตกแต่งร้านที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากศิลปะไทย อีกทั้ง adidas เอาท์เล็ต แบรนด์สปอร์ตแวร์เอ็กซ์คลูซีฟ แบรนด์สินค้าของตกแต่งบ้าน เทคโนโลยี และสินค้าสำหรับเด็ก

พร้อมที่จอดรถรองรับกว่า 1,500 คัน บริการห้องรับรองสมาชิกและนักท่องเที่ยว  รถโดยสารฟรี 

เจาะคนไทย100%ตั้งเป้าหมื่นคน/วัน

การเปิด สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ เป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดการจ้างงานกว่า 1,000 อัตรา สร้างสีสันใหม่ให้วงการค้าปลีก เปิดประสบการณ์ใหม่ในการชอปปิง ส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศสำหรับคนไทยและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ทดแทนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังไม่สามารถเดินทางได้ตามปกติ

"เรามีเป้าหมายที่จะสร้าง Shared values ก่อให้เกิดการสานประโยชน์ร่วมกันแบบบูรณาการทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งภาคเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ และลูกค้า โดยร่วมกับกับพันธมิตรการท่องเที่ยวในละแวกใกล้เคียงสร้างจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งใหม่ของประเทศไทยดึงลูกค้าชาวไทย”

ทั้งนี้ สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต มุ่งเจาะลูกค้าคนไทย 100% จากเดิมวางสัดส่วนลูกค้าชาวไทยใช้บริการ 60% นักท่องเที่ยวต่างชาติ 40% พร้อมตั้งเป้าหมายลูกค้าเข้าใช้บริการ 10,000 คนต่อวัน และหากสถานการณ์โควิดทั่วโลกดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการเปิดน่านฟ้า คาดว่านักท่องเที่ยวจะกลับมาเยือนไทยมากขึ้น ทำให้มีลูกค้าต่างชาติเข้าใช้บริการเป็นสัดส่วนราว 20% ในช่วงปลายปี 

รอจังหวะลงทุนเฟส 2-3

นายไมเคิล กล่าวต่อว่า ที่ดิน 150 ไร่ของ สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ขณะนี้เป็นการเปิดบริการในเฟสแรก พื้นที่ 50,000 ตร.ม. หรือใช้ที่ดินประมาณ 50 ไร่ ลงทุนรวมกว่า 4,000 ล้านบาท สำหรับการพัฒนาเฟส 2 จะใช้พื้นที่ราว 20 ไร่ เป็นส่วนต่อขยาย ที่เหลือเป็นเฟส 3 ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่อยอด ซึ่ง 2 เฟสหลังจะเป็นการลงทุนภายใต้งบก้อนใหม่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์เพื่อดำเนินการ

“ในส่วนของแผนการลงทุนโครงการใหม่ แห่งที่ 2 และ 3 น่าจะต้อง wait&see หรือ ชะลอเพื่อรอจังหวะและความเหมาะสมของสถานการณ์เช่นกัน แต่ไม่เบรกการลงทุนแน่นอน ด้วยศักยภาพของเมืองไทยและการลงทุนของกลุ่มไซม่อนที่ไปประเทศไหนต้องเปิดมากกว่า 1 แห่ง” 

เชื่อลูกค้า 90-95% มาแล้ว "ซื้อ"

แม้สถานการณ์โควิดจะฉุดกำลังซื้อและเศรษฐกิจถดถอยแต่นายไมเคิล เชื่อว่า ลูกค้า 90-95% มาแล้วซื้อแน่นอน โดยคาดการใช้จ่ายแบบคอนเซอร์เวทีฟไว้ที่ 1,500-2,000 บาทต่อคนต่อครั้ง

“เอาท์เล็ตตั้งอยู่นอกเมืองโดยทำเลไม่ใช่แรงดึงดูด ดังนั้นลูกค้าต้องตั้งใจมาเพื่อจับจ่าย ซึ่งเป็นไปเหมือนกันทั่วโลกของโนว์ฮาวการทำเอาท์เล็ตของไซม่อนซึ่งพบว่าลูกค้ามาเองและใช้จ่าย”

นอกจากนี้ การแข่งขันที่รุนแรงของธุรกิจเอาท์เล็ตในเมืองไทย สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต เชื่อว่า จุดแข็งทางด้าน “โปรดักท์” หรือแบรนด์ที่ตรงใจลูกค้า พร้อมกลยุทธ์ทางด้านราคา จากปกติลดราคา 35-70% ซึ่งได้มีการเจรจากับผู้ประกอบการเพื่อให้ออนท็อปเพิ่มอีก 10-15%  เพื่อดึงดูดใจลูกค้ามาใช้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ    

พร้อมกันนี้ จะใช้โซเชียลมีเดียในการสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ในกลุ่มลูกค้า เพื่อดึงดูดให้มาใช้บริการ

ย้ำมาตรการสุขอนามัย

สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10.00-21.00 น. พร้อมดำเนินมาตรการเพื่อความปลอดภัยและสุขอนามัย ซึ่งสอดรับกับมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ของรัฐบาล

โดยจัดให้มีมาตรการการเช็คอินและเช็คเอาท์ ผ่านแพลตฟอร์มไทยชนะ ตรวจวัดอุณหภูมิ รวมถึงจุดให้บริการเจลล้างมือแอลกอฮอลล์ รวมถึงพนักงานผู้ให้บริการจะสวมมาส์กและรักษาสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด รวมถึงการกำหนดจำนวนผู้มาใช้บริการให้เป็นไปตามมาตรการ เว้นระยะห่างของภาครัฐอย่างเข้มงวด