ทำไม 'นักลงทุน' จึงต้องทำ DCF

จากประสบการณ์ที่เคยจัดหลักสูตรสัมมนาการลงทุนหุ้นในนามกลุ่ม Club VI มาแล้วหลายปี สิ่งหนึ่งซึ่งทำให้ผมรู้สึกภูมิใจทุกครั้ง คือเวลาได้ยินว่าผู้เข้าเรียนสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้จนประสบผลสำเร็จ

หนึ่งในเรื่องราวที่ประทับใจที่สุด เกิดขึ้นเมื่อประมาณต้นปี 2016 โดย “น้องมัม” สาวน้อยวัยยี่สิบกลางๆ ได้มาเข้าเรียนหลักสูตรพื้นฐานการลงทุนของ Club VI ก่อนจะต่อด้วยหลักสูตร “DCF” หรือการประเมินมูลค่าหุ้นด้วยวิธี “คิดลดกระแสเงินสด” ที่แม้แต่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนหมายเลขหนึ่งของโลกก็ยังใช้

หลังเรียนไปได้ประมาณสองสัปดาห์ น้องมัมโทรศัพท์กลับมาหาผม โดยบอกว่าเธอประเมินมูลค่า “หุ้นสนามบิน” ออกมาได้ประมาณ 70 บาทต่อหุ้น ทั้งที่ราคาหุ้นขณะนั้นอยู่ที่ราวๆ 40 บาทเท่านั้น

น้องมัม บอกผมว่า เธองงมากกับ “มูลค่าโดยเนื้อแท้” หรือ intrinsic value ที่ได้ออกมา เพราะมันสูงกว่าราคาหุ้นในขณะนั้นถึงประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ เธอไล่เรียงประมาณการและสมมติฐานที่ใช้ในการหามูลค่าให้ผมฟังแทบจะทั้งหมด และถามความเห็นว่าเธอคิดผิดพลาดไปตรงไหนหรือไม่

ขณะนั้นผมอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น และไม่สะดวกที่จะคุย เพียงได้ยินน้องมัมเล่าคร่าวๆ จึงตอบแบบรีบๆ ไปว่า เท่าที่ฟังดูก็ไม่รู้สึกว่ามีตัวแปรไหนที่เกินเลยความจริง ดังนั้น ถ้ามั่นใจว่าคิดมาดีแล้ว ก็ขอให้ยึดกับมูลค่าหุ้นที่หาออกมาได้

ไม่กี่เดือนหลังจากนั้น น้องมัมบินจากบ้านเกิดที่อุดรธานีมายังกรุงเทพมหานคร เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทดังกล่าว และได้พบกับผมอีกครั้ง เราพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในหลายๆ เรื่อง เธอบอกว่าการเข้าร่วมสัมมนากับผมเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด โดยประโยชน์สูงสุดที่ได้รับนอกจากความรู้ คือการที่เธอตัดสินใจลงทุนในหุ้นได้อย่าง “มั่นใจ” ไม่ลังเล เพราะรู้แล้วว่ามูลค่าหุ้นแต่ละตัวอยู่ที่เท่าไร

หลังจากนั้น ผมกับน้องมัมยังติดต่อกันเป็นระยะ เวลาผ่านมาประมาณสองปี ไม่น่าเชื่อว่าหุ้นสนามบินที่เธอเข้าลงทุน ราคาพุ่งทะยานขึ้นไปถึง 70 บาท

ตัวเลขที่เธอเคยมองว่า “ไม่น่าเป็นไปได้” กลับ “เป็นจริง” ขึ้นมาในท้ายที่สุด

ประเด็นที่จะสื่อในที่นี้ ไม่เกี่ยวกับตัวหุ้นแต่อย่างใด เพราะสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเยอะมากจนไม่อาจเทียบเคียงกันได้ ผมเพียงต้องการบอกว่า การ “ประเมินมูลค่า” โดยเฉพาะวิธี DCF เป็นสิ่งที่นักลงทุนพันธุ์แท้ทุกคนควรเรียนรู้ เพราะมันจะยกระดับการลงทุนของคุณไปอีกขั้น ชนิดที่ตัวคุณเองอาจไม่เคยนึกฝันเลยก็ได้

เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับเด็กสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ซึ่งกลายเป็นนักลงทุนฝีมือดีในวันนี้นั่นเอง