ส่องแผน ไทย 'เปิดประเทศ' 3 เฟส ก่อนจะถึง 'Travel Bubble'
โฆษก ศบค. แจงละเอียด สเต็ปการเปิดประเทศให้เดินทางเข้าไทย หลังเฟสแรก "Medical and Wellness Program" เปิดให้เดินทางมารักษาพยาบาลในไทยแล้ว พบมีผู้ลงทะเบียนกว่า 1,700 ราย จาก 17 ประเทศ
เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 63 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยได้อธิบายถึงแผนการนำเสนอร่างการจัดการข้อปฏิบัติการทำ Medical and Wellness Program หรือการนำผู้ป่วยจากต่างประเทศมารับการรักษาในโรงพยาบาลของประเทศไทย ซึ่งเริ่มตั้งแต่ 1 ก.ค. เป็นต้นไป
- เฟสหนึ่ง : Medical and Wellness Program
โดยระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. เป็นต้นไทย จะเปิดให้มีการเข้าประเทศในลักษณะของ Medical and wellness Program สำหรับคนกลุ่มที่ต้องการเดินทางมารักษาตัวในโรงพยาบาลรัฐ หรือ รพ.เอกชน ที่เป็นคู่สัญญา ซึ่งจะเรียกว่า Hospital Quarantine คือ ผู้เดินทางมาต้องถูกกักตัวในโรงพยาบาลเป็นจำนวน 14 วัน แม้ว่าการรักษาพยาบาลจะเสร็จสิ้นแล้ว เช่น ทำจมูกแค่ 5 วัน แต่ต้องอยู่ รพ. ให้ครบ 14 วัน
ทั้งนี้ ในส่วน Alternative Hospital Quarantine เช่นชาวต่างชาติรวมผู้ติดตามที่ต้องการเดินทางมารักษาที่โรงพยาบาลเอกชน หรือคลินิก เช่น การรักษาผู้มีบุตรยาก เมื่อตรวจรักษาที่คลินิกแล้ว ก็ต้องไปนอนพักที่โรงพยาบาลให้ครบ 14 วัน
โดย นพ.ทวีศิลป์ เผยว่า มีโรงพยาบาลและคลินิกที่ประสงค์เป็น "สถานกักกันในโรงพยาบาลทางเลือก" (Alternative Hospital Quarantine) สมัครเข้าร่วมโปรแกรมแล้ว 62 แห่ง
เงื่อนไขของผู้เดินทาง คือ จะต้องผ่านการตรวจร่างกาย และทำเรื่องขออนุญาตเดินทางกับกระทรวงต่างประเทศ พร้อมระบุวัตถุประสงค์ซึ่งจะต้องทำการนัดหมายกับทางโรงพยาบาลในไทยเรียบร้อยแล้ว และจะต้องเดินทางโดยเครื่องบินเท่านั้น ซึ่งผู้ที่จะเดินทางต้องได้รับใบที่เรียกว่า COE หรือ Certificate of Entry ซึ่งทางสถานทูตเป็นผู้ออกให้แล้ว จึงจะเดินทางมาได้
โดยข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า ล่าสุดมีผู้ลงทะเบียนขอเข้ามารับการรักษาในประเทศไทยแล้ว 17 ประเทศ รวม 1,700 คนที่ขอเข้าไทยเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ในเดือน ก.ค. นี้ ประกอบด้วย จากเมียนมา 478 ราย, กัมพูชา 477 ราย, เวียดนาม 39 ราย, จีน 69 ราย, กาตาร์ 95 ราย, ซาอุ14 ราย, โอมาน 187 ราย, คูเวต 137 ราย, ยูเออี 223 ราย
- เฟสสอง : ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
เมื่อผ่านเฟสแรก คือ เดือนกรกฎาคมไปแล้วนั้น หากไม่มีปัญหาใดๆ ก็จะเข้าสู่ "เฟสสอง" ในวันที่ 1 ส.ค. เป็นการขยายโปรแกรม "การท่องเที่ยวสุขภาพดีวิถีใหม่" เป็นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เช่น สปา รีทรีท สมุนไพร หรืออยู่ในโรงแรมที่แยกออกมาชัดเจน
"ลักษณะคือ มาเพื่อรักษาพยาบาลและเดินทางท่องเที่ยวควบคู่กัน เช่น กลุ่มผู้ที่ต้องการรับบริการทางการแพทย์ ศัลยกรรมความงาม ผู้มีบุตรยาก ซึ่งเมื่อรับการรักษาและกักตัวครบ 14 วันแล้ว หลังพ้นการกักตัว 14 วัน จะสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทั่วประเทศไทย รวมถึงกลุ่มที่จะไปเที่ยวแบบอยู่ในวิลล่า อยู่ในสถานที่ที่จัดให้ ซึ่งมีครบทุกอย่าง จำกัดบริเวณ ก็อาจจะเกิดขึนใน 1 ส.ค." นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
- เฟสสาม : Travel Bubble
และเช่นกันคือ หากเฟสหนึ่ง และเฟสสอง เป็นไปอย่างเรียบร้อย หลังจากนั้นจึงจะเข้าสู่เฟสสาม นั่นคือ Travel Bubble (ทราเวล บับเบิล) คาดว่าจะเริ่มในวันที่ 1 ก.ย. ซึ่งอาจจะเริ่มใช้กับบางกลุ่มเป็นกรณีพิเศษ กลุ่มเฉพาะที่ดูแลได้ก่อน
ขณะเดียวกัน นพ.ทวีศิลป์ ได้อธิบายถึงความเข้าใจผิดของประชาชน ซึ่งกังวลถึงการประกาศข้อยกเว้นให้ "11 กลุ่มที่เดินทางเข้าไทยได้" ที่เคยประกาศออกมาก่อนหน้านี้ ขอชี้แจงว่า กลุ่มคนที่อนุญาตให้เดินทางเข้ามาได้ตามประกาศดังกล่าว "ไม่รวมนักท่องเที่ยว" แต่อย่างใด โดยอนุญาตให้เฉพาะผู้เดินทางเข้ามาเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่างที่มีลักษณะเฉพาะ เช่น นักธุรกิจ มาทำธุรกรรมบางอย่าง มารับการรักษาพยาบาล โดย "ไม่รวมถึงการมาเพื่อการท่องเที่ยว" อย่างแน่นอน